3/31/14

ทริปเยี่ยมญาติ Japan 2014 : Dinner at Moro's place กินข้าวบ้านโมโร่คุง







หลังจากที่ฮาราคีรีตัวเองจนเกือบตายกับการแพ็คกระเป๋าจนเคล็ดขัดยอกไปทั้งร่างแล้วประมาณ 6 โมงนิด ๆ พวกเราก็ออกเดินทางไปที่บ้านของโมโร่คุง ตอนแรกวางแผนว่าจะปั่นจักรยานกันไปแต่อ่านพยากรณ์อากาศมาแล้วว่าคืนนี้ฝนจะตก และไม่แน่ใจกับการดื่มของตัวเองเท่าไหร่นัก ก็เลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปดีกว่าเพื่อความชัวร์ (เมาไม่ขับนะจ๊ะ)
วันนี้โมโร่ไปทำงานเลิกงานมาถึงบ้านประมาณ 6 โมงเย็นเรานัดโมโร่ไว้ทุ่มตรง เราไปถึงก่อนเวลานัดประมาณ 20 นาทีเจออีโมโร่กำลังยกถุงขยะไปทิ้ง !!! ก่อนมาอายาริเตือนแล้วว่าบ้านโมโร่อาจจะรกหน่อยนะ หึหึหึ มองเห็นถุงขยะใบใหญ่ นี่บ้านมึงรกขนาดนี้เลยเร๊อะ !!!
อายาริเห็นแล้วกรี๊ดเลย บอกว่าตอนพวกเรามากินเหล้าโมโร่ไม่เคยทำความสะอาดบ้านเลย นี่เป็นเพราะปูจังมานะเนี่ยโมโร่เลยยอมทำ ฮ่าๆๆๆ อายาริเอ้ยยยย....ให้มันรู้สะบ้างว่าไผเป็นไผ 






เด็กหญิงทสึกิโนะ กับ เด็กหญิงอายาริ





เรานั่งพักกันสักแป่บปรึกษากันว่าจะกินอะไรกันดี แล้วก็เดินออกไปซุปเปอร์มาเก็ต (คือทำไมไม่ปรึกษากันให้เรียบร้อยก่อนจะได้ซื้อเข้าไปทีเดียว มันหนาว ฮ่วยยย) เดินไปสักแป่บก็เจอวากะนะจังปั่นจักรยานมากกับทสึกิโนะ วากะนะจังคือ ?? เป็นคอสตูมในโปรเจคการแสดงของพวกเราเอง เราเจอกันครั้งแรกเมื่อปี 2009 พอจบโปรเจคนี้ปั๊บวากะนะจังก็ท้อง แฟนของวากะนะจังเป็นนักดนตรีค่ะ ซึ่งเราไม่เคยเห็นตัวจริงนะเห็นแต่ในรูป เท่ดี

อายาริถามว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมเดี๋ยวซื้อมาทำให้แน่นอนพีมังผัดไข่ปลา (พีมังคือพริกหยวกที่ไม่มีกลิ่นของพริก แต่หวานและอร่อยมาก) ตั้งแต่มาญี่ปุ่นนี่เรารีเควสพีมังทุกมื้อเลยทั้งผัดกับไข่ปลาและกินเปล่า ๆ จนหน้าจะกลายเป็นพีมังอยู่แล้ว





เจ้าบ้านตอนนี้กับเจ้าบ้านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว








ไข่ปลาผัดพีมัง มะเขือม่วงผัดมิโสะ บล็อคโคลี่ต้มจิ้มมายองเนส ส่วนกินจิซื้อมาจากซุปเปอร์






มื้อนี้เรามีแม่ครัวฝีมือดีสองคนคือฮารุกะโอบ้าจัง กับ วากะนะจัง มองการช้อปปิ้งของสองคนแล้ว ทำไมพี่ซื้อแต่ผักกันละฮ่ะ โปรตีนหล่ะ ?!?!?! คนญี่ปุ่นกินผักกันเก่งมากกกกก ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเค้าไม่อ้วน ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเค้าผิวพรรณดี ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเค้าสุขภาพดีอายุยืน คือกินผักทีนี่กินกันเป็นกิโลฮ่ะ
มาแจกแจงเมนูวันนี้กันดีฟ่าาาาาว่ามีอะไรบ้าง เมนูแรกออเดิร์ฟ เป็นบล็อกโคลี่ต้มจิ้มมายองเนส มาให้รองท้องกันก่อน แค่นี้ก็อร่อยหล่ะ
ส่วนเมนูที่สอง แอส ยัวร์ รีเควส เลยฮ่ะ พีมังผัดไข่ปลา ฟินนนน อ่าหหหหหหห์ กินสิบชามก็ไม่พอ เรากับโมโร่เป็นพวกรอกิน และด้วยความหิวมาก ออร์เดิร์ฟมาเสิร์ฟ เราสองคนก็ตะโกน ขอกินก่อนได้ไหมค๊าาาาา แม่ครัวตะโกนกลับมาว่ากินได้เลย สวรรค์ชัด ๆ นะก๊ะ !!!





เมนูมาสเตอร์พีชวันนี้เราขอเสนอผักอบเนย (ด้านขวามือ) หอมมาก กรอบมาก ผักหวานมากกก ติดใจจจ




เมนูที่สามตามมาติด ๆ เป็นมะเขือม่วงผัดมิโสะ ปกติมะเขือม่วงมันไม่อร่อยเลยนะ แต่มะเขือม่วงญี่ปุ่นนี่มันแซ่บมาก ซัดโฮกกก เหมือนคนอดอยาก
เมนูที่สี่เป็น สารพัดผักอบเนย มีบล็อคโคลี่ เห็ดหอม ลูกกะหล่ำปลี เราไม่แน่ใจวิธีการทำสักเท่าไหร่นัก แต่เหมือนเอาเนยใส่ลงไปกับผักแล้วเอาเข้าเตาอบออกมากลิ่นหอมมาก ๆ อ่ะ ให้นั่งกินเป็นกะละมังก็ไม่ถอยนะ
เมนูที่ห้า (ยังไม่หมดอีกเหรอเนี่ย !!!) เป็นสลัดผัก ผักอีกแล้ว >"< เป็นผักโขมกับอาโวคาโด น้ำสลัดญี่ปุ่นอันนี้มาเป็นกะละมังเลยกินผักเสมือนตัวเองเป็นวัว ฮ่าๆๆ อาโวคาโดญี่ปุ่นถูกมาก ๆ นะ (ประมาณ 30 บาทเอง) ถ้าเทียบกับค่าเงิน ของไทยลูกล่ะ 50-60 บาทถือแพงค่ะ ทั้ง ๆ ที่ปลูกที่เชียงใหม่แท้ ๆ ไม่เข้าใจจจ T___T

ส่วนเมนูอื่น ๆ ก็ซื้อสำเร็จมาจากซุปเปอร์ มีคาราเกะ ปูอัด ปลาหมึกเล็ก ๆ ที่เราชอบกิน (เรียกว่าอะไรไม่รู้อ่ะ) แล้วทุกอย่างอร่อยมากกกกก ในขณะนั้นเวลา 3 ทุ่มเราซัดข้าวไป 3 ชาม บ้าไปแล้วเหอะ!!!!!!  อ่ออออ วากานะจังซื้อเค้กช็อกโกแลตมาให้กินล้างปากด้วยค่ะ ไม่อ้วนเอาเท่าไรรรรร




คาราเกะ อันนี้ซื้อมาจากซุปเปอร์









เด็กหญิงทสึกิโนะ กับ เด็กหญิงณัฐฐิพร





ดินเนอร์มื้อนี้มีเด็กให้เล่นด้วยหล่ะ เด็กชื่อเด็กหญิงทสึกิโนะ ทสึกิโนะจังเป็นหลานคนแรกของคณะเมโลดี้คัพ (ถ้าไม่นับลูกของผู้กำกับ) เมื่อปี 2011 เราเจอเด็กยังไม่ถึงขวบเลยคราวนี้มาเจอจะ 4 ขวบแล้วเวลาผ่านไปเร็วจัง เด็กน้อยโตขึ้นทุกวัน ๆ ในขณะที่เรายังไม่ไปถึงไหนเล้ยยยย
จริง ๆ มีเด็กอีกคนนะชื่อ ออนคุง แต่อยู่โตเกียวอยากเจอหลานคนนี้เหมือนกัน
ทสึกิโนะจังเป็นเด็กขี้อายและติดอายาริจังกับทัคจังมาก เพราะสามคนนี้เค้าเจอกันบ่อย ๆ แล้ววากานะจังก็ทำงานที่เดียวกับทัคจังด้วยก็เลยทำให้สนิทกันมากยิ่งขึ้น วันนี้เราเล่นกับเด็กด้วยอาการลอสทรานสเลชั่นมาก ๆ แต่อายาริก็ดีมากนางแปลให้เราตลอดเลยบางอย่างที่เราต้องการสื่อสารกับทสึกิโนะจังอายาริก็จะคอยบอกว่าประโยคนี้ต้องพูดว่าอะไร ก็สรุปว่าการเล่นกับเด็กก็ผ่านไปด้วยดีและสนุกสนาน


ข้อสังเกตของเราอีกอย่างนึงคือคนญี่ปุ่น(ที่เรารู้จัก) เลี้ยงลูกแบบไม่สปอย อะไรได้ก็คือได้ อะไรไม่ได้ก็คือไม่ได้ แค่เด็ก 3 ขวบก็เป็นเด็กมีเหตุผลแล้วรู้สึกเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตและจินตนาการที่ดีมาก ๆ 





ทสึกิโนะจังจะกลับบ้านแล้วววว






ฝนเริ่มตกลงมาตอนประมาณ 4 ทุ่ม วากานะจังต้องกลับแล้วเพราะพรุ่งนี้ต้องทำงานแล้วเด็กก็เริ่มง่วงด้วย จัดแจงใส่เสื้อกันหนาวให้เด็กเสร็จเรียบร้อยพวกเราลงมาส่งสองแม่ลูกตรงที่จอดจักรยาน แหมมมม ....ไม่อยากจากกันเลยจริง ๆ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีกไม่ว่าจะที่ไทยหรือญี่ปุ่นหรือที่ไหนซักที่ในโลกแหละเนอะ

พอวากานะจังกลับไปได้สักพัก ฮารุนะจังก็เลิกงานกลับมานั่งคุยกันตามประสาผู้หญิง (เพราะพวกผู้ชายหลับไปหมดแล้ว U.U) คุยกันจนอิ่มหนำสำราญพวกเราก็ได้เวลากลับเช่นกันฮารุนะโทรเรียกแท็กซี่ให้ ส่วนฮารุกะโอบ้าจังเดินกลับบ้านเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านโมโร่ ประมาณตี 1 ฝนยังไม่หยุดตก มาถึงบ้านเราบอกอายาริว่าไม่อาบน้ำนะ ไว้อาบพรุ่งนี้ทีเดียว (ก็มันหนาวแล้วก็เหนื่อยง่ะ) ฮ่าาาาาา ตกลงตามนั้นนะ





อันนี้แคปมาจากไอจีของวากะนะจัง (แม่ของทสึกิโนะจัง)






พรุ่งนี้มีนัดไปเก็บสตรอเบอร์รี่ ตื่นเต้นนนนนนน มันจะอร่อยแค่ไหนกันนะสตรอเบอร์รี่สด ๆ เนี่ย รีบนอน ๆ ได้ข่าวว่าต้องออกจากบ้าน 9 โมงอีกแย้ววววววว ....





To be continue .....







No comments: