9/28/13
Patisserie cafe
9/26/13
Eat at SAKURA house : Kaosarn Road
สวัสดีเช้าวันศุกร์ค่ะ :)
หลังจากที่ฝนไม่ตกมา 2 วัน เราสัมผัสได้ว่าอากาศเย็นลง มีลมพัดอ่อน ๆ นี่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วสินะ ^^,,
แต่อย่ามาหนาวแค่วันสองวันนะจ๊ะ ขอให้ได้ใช้ผ้าพันคอเสื้อกันหนาวประหนึ่งออทั่มในซีรี่ย์เกาหลีบ้างอะไรบ้าง
:: ไดหน้าที่แล้วเรื่องอาร์มแบนด์หลังจากใช้แล้วมาเล่าสู่กันฟัง ::
หลังจากที่ใส่เข้าไปที่ต้นแขนแล้วปรากฏว่าหลวมอยู่นิดหน่อย เราใช้วิธีการพันสายหูฟังเข้าไปกับสายอาร์มแบนด์
ทำให้คับขึ้นมานิดนึง ในขณะที่วิ่งเราต้องยกแขนขึ้นซึ่งกล้าม (อันน้อยนิด) มันจะปูดขึ้นมาทำให้อาร์มแบนด์มันพอดีค่ะ
อาการตอนใส่สักสองนาทีแรก มันจะรู้สึกยุกยิกนะอะไรมาเกะกะแขน แต่ผ่านไปแป่บเดียวก็ลืมแล้วว่ามีไอ้นี่
ติดอยู่ สำหรับเรามันโอเคในระดับนึง แต่แนะนำว่าต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ นะ เพราะตอนถอดออกมาเหงื่อโชกกกก...
เมื่อวานนี้นัดกับข้าวตู (ข้าวตูคือน้องที่ไปทำงานที่ญี่ปุ่นด้วยกันเมื่อหลายปีก่อนด้วยความที่ต้องทำทุกอย่างด้วยกันร่วม
ๆ หลายเดือนในบ้านเมืองที่ไม่ใช่บ้านเรา ภาษาก็ไม่ใช่ของเราเมื่อคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องเราต้องคุยกันเอง
ณ จุดนี้ทำให้สนิทกันมาก) หลังจากจบโทที่ศิสปากรแล้ว ข้าวตูไปเป็นอาจารย์สอนศิลปะอยู่ที่พะเยา
นาน ๆ จะมากรุงเทพซักทีเจอกันก็จัดหนักเลย เพราะได้ข่าวมาว่าน้องโหยมากกกกกก อยู่โน้นหากินยาก ฮ่าๆๆๆ
นัดเจอกับโทมี่ด้วยไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้ว ตอนนี้โทมี่พูดไทยได้เก่งขึ้นและฟังรู้เรื่องขึ้นเยอะเลย กวนตีนด้วยนะ
เราไลน์ไปชวนนางเป็นภาษาญี่ปุ่นง่อย ๆ นางตอบมาด้วยภาษาไทยจ้าาาาาา (แถมส่งติ๊กเกอร์ขำมาด้วย)
ถ่ายในลิฟท์ทางขึ้นไปซากุระเฮ้าส์ ลิฟท์มาเฟียมากฮ่ะ
เราไปกินข้าวกันที่ร้านซากุระเฮ้าส์ตรงถนนข้าวสาร ร้านนี้เรามากินตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น แต่ก็ไม่ได้มาบ่อย
เพราะไกลนะตั้งข้าวสารแหนะ ฮ่าๆๆ โอกาสพิเศษจริง ๆ ถึงจะมา หลาย ๆ คนคงรู้จักร้านนี้นะ เวลาไปกินเราเห็น
นักศึกษามากินกันค่อนข้างเยอะ ถึงแม้ว่าร้านออกจะหายากอยู่สักหน่อยก็ตาม
หลังจากที่ไม่ได้มากินนาน เรารู้สึกว่าร้านคงทำเมนูใหม่นะ เพราะอาหารบางอย่างเราไม่เคยเห็นอ่ะ เช่นยำแซลมอน
กับเห็ดเข็มทองพันเบคอน เอ๊ะ หรือเบคอนพันเห็ด ?? รอบนี้ได้กินอูเมชู (เหล้าบ๊วย) ด้วยอ่ะ รู้สึกว่ายี่ห้อนี้อร่อยจัง
จะสั่งอีกขวดแต่ปรากฏว่าที่เรากินอยู่นั่นคือขวดสุดท้าย อ่ะ อดกันไป
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ๆ ร้านนี้ก็ยังราคาเท่าเดิมนะ คือไม่แพงยังไงก็ยังไม่แพงอย่างงั้นแหละ นี่กินกันแบบอิ่มแทบคลาน
ค่าเสียหายแค่ 700 นิด ๆ (3 คนรวมอูเมชูด้วย) และจะบอกว่าแซลมอนนี่ไม่ใช่เศษแซลมอนอ่ะ คือเต็มปากเต็มคำเลย
ได้หลายชิ้นด้วยนะ ขณะพิมพ์อยู่นี้ก็อยากกินอีกเลิฟมากกกกก ในเมนูรูปเล็กมาก แต่มาจริงเยอะมากใหญ่มากกกกก
:: พิกัดร้าน ::
ถ้ามาจากทางราชดำเนิน เดินเข้ามาในซอยรามบุตรีปากซอยมีร้านสเวนเซ่น เดินตรงมาเรื่อย ๆ
ทางขวามือจะเป็นโรงแรมเวียงใต้ ตรงข้ามจะเป็นร้านอาหารใหญ่ ๆ ที่มีโต๊ะไม้ตั้งเยอะ ๆ และมีคลินิคสุรัตน์
ให้เดินเข้ามาในตึกที่เขียนว่าคลินิคสุรัตน์นั่นแหละ จะเจอลิฟท์มาเฟียตัวเดียวเก่า ๆ และกดป้าบ! ไปชั้น 4 โลดดด
ออกมาจากลิฟท์จะเจอร้านเลยจ๊ะ มีอยู่ร้านเดียว ตามนั้นนะจ๊ะ
ถ้ารักกันให้ทำปากจู๋...........
9/25/13
Armband Case
คิดมาสักพักแล้วว่าจะซื้อ อาร์มแบนด์ ซักอันเอาไว้ใส่โทรศัพท์เวลาไปวิ่งสวนลุม เพราะเวลาวิ่งแล้วมือถือโทรศัพท์
มันวิ่งไม่ถนัดอ่ะ เมื่อยมือ แถมมีเหงื่อออกที่มือด้วย กลัวโทรศัพท์พัง (ถ้าใช้ 3310 คงไม่เครียดแบบนี้ ฮ่าๆ)
ซึ่งตอนแรกเราเองไม่รู้ว่ามีขายที่ไหนบ้างเพราะเสิร์ชกูเกิ้ลก็เจอแต่ขายออนไลน์ซึ่งเราไม่ชอบซื้อของออนไลน์
ก็เลยไปโพสต์ถามในพันทิปว่าไปซื้อที่ไหนดี เอาที่ราคาไม่แพงก็มีคนมาตอบพอสมควร ถ้าเอาดี ๆ หน่อย
ก็ที่ไอสตูดิโอ อันละ 800 บาท แต่แหมนะ นักวิ่งทุนต่ำเช่นดิฉัน ควรจะมีไอเทมอะไรที่น่าจะเหมาะสมกว่านี้
และฟ้าก็มาโปรดคะ มีพี่สาวคนนึงคนมาตอบว่าซื้อที่มาบุญครองชั้น 4 (ที่ขายโทรศัพท์เยอะๆ)
นี่คืออาร์มแบนด์ค่ะ (ภาพจาก Google)
ส่วนอันนี้เป็นของเราที่ซื้อมา
ไปเดินดูที่มาบุญครอง ถามร้านแรกเลย แม่ค้าถามว่าหนูใช้เองหรือเปล่าเราบอกว่าใช้เอง แม่ค้าตอบว่างั้นไม่มีจ๊ะ
พี่มีแต่ไซส์อาหรับหนูใส่ไม่ได้แน่นอน ถะ ถะ โถ่!! อาหรับจะใหญ่ซักแค่ไหนกันเชียววววว...../เดินคอตกออกมาก
ร้านที่สองเค้าบอกว่ามีก็พาเราไปเดินดู แต่ปรากฏว่าหมดจ้า.....เดินคอตกออกมาอีกรอบ ไหน ๆ ก็มาถึงถิ่นแล้ว
จงสู้ต่อไปปปปป
ร้านที่ 3 พนักงานบอกว่ามีอันละ 250 บาท เอาเลยไม่คิดมาก ไม่เดินหาของถูกกว่านี้ด้วย เพราะตั้งเป้าไว้
แพงกว่านี้ ซื้อมาไม่ลองจ๊ะเพราะรีบ จ่ายตังเสร็จเดินออกมาจากร้านเลย กลับมาลองที่ออฟฟิศ
และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น !!! ลูกชายดิฉันยัดเข้าไปในเคสไม่ได้ค๊า!!!!!! มันแน่นยิ่งกว่าอกซะอีก
พยายามงัด แงะ ง้าง อยู่นานพอสมควรพลันนึกได้ว่า อ้าวววว เคสโทรศัพท์กูหนาเกินที่จะยัดลงไปได้นี่หว่า
สติมาปัญญาเกิดถอดเคสออกเถิดจะเกิดผลนะจ๊ะ แหม ๆ ๆ เกือบได้โง่นั่งรถเอากลับไปคืนหล่ะ
ฮัดช่า!!! รูปหน้าจอมันแรดสมกับเป็นนักกีฬาจุงเบยยย >"<
ปรากฏว่านั่งรถกลับมาฝนตกห่าใหญ่เลยยยยยยย ในใจภาวนาว่า มึงรีบ ๆ ตกมาเลยนะก๊ะ แล้วตอนเย็นห้ามตกอีก
คือเราแบกชุดมาเก้อเกือบทุกวันอ่ะ เลิกงานปุ๊ป ตกปั๊บเหมือนตอกบัตรทำงานเลยจ๊ะฝนจ๋า.....
ขณะอัพไดอยู่นี่ฝนก็กำลังตกอยู่หล่ะ ให้เวลาตกอีกชั่วโมงครึ่งนะ จะไปใช้ของที่ซื้อมาใหม่ เห่อ
9/18/13
Waykin
Thursday 19 September 2013
วันนี้คือวันสุดท้ายของการทำงานของคุณเวคิน คุณเวคินคือเจ้านายเราเองเป็นเจ้านายลูกน้องกันมา 3 ปีกว่าหล่ะ
ส่วนคุณเวคินทำงานที่นี่มาประมาณ 8 ปี คุณเวคินมีหน้าที่เป็นเจ้านายที่รัก เป็นพี่ชาย เป็นเพื่อน และบางครั้งก็เป็นครู
และหน้าที่หลัก ๆ ของคุณเวคินคือการเป็น ม.ก.ม. (A.K.A ไม้กันหมานั่นเอง) เวลาหมาจะกัดลูกน้อง
แต่ตามวค.สไตล์แล้วเค้าจะไม่เตะหมาค่ะ แต่จะเอาตัวบังหมาให้น้อง ๆ และตัวเองก็โดนหมากัดแทน
เราบอกวค.ว่าเดี๋ยวเราจะไปสวีเดนแล้วนะ อีกไม่นาน ผ่านไปไม่ถึงเดือนวค.เดินมาบอกว่าพี่ขอโทษนะ ที่พี่จะไปก่อน
ถามว่าเสียใจไหม มันก็เสียใจแหละ ถึงรู้ว่าอีกไม่นานเราก็ต้องไปเหมือนกัน แต่มันก็อดใจหายไม่ได้หล่ะเนอะ
ชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่ช่วงชีวิตการทำงานจะมีเจ้านายที่ดีสักคน
จิ๊กมาจากเฟสบุควค.
เมื่อคืนก่อนไปเลี้ยงส่งวค.กันมา ไปแถว ๆ บ้านวค.นั่นแหละค่ะร้านแซ่บอินดี้ (ร้านนี้โอเคเลยแซ่บจัดจ้านมาก)
ที่ร้านหมดเบียร์ไปเกือบสิบขวด แล้วมากินกันต่อที่บ้านวค.อีกเกือบสิบขวด นอนกันตีสองที่บ้านวค.นั่นแหละ
ตื่นมา 6 โมงเช้าเข้าคิวกันไปอาบน้ำเพื่อที่จะไปทำงานให้ทัน 9 โมง O.O! ง่วงนะแต่สนุกและมีความสุขมากกกก
ทีมเราทำรูปนี้ให้วค. ฮีน้ำตาไหลเลย (ซึ่งปกติก็ขี้แยอยู่แล้วนะ)
เราบอกกับวค.ว่าพี่สัญญากะหนูได้ป่าว ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนถ้าวันหนูแต่งงาน ห๊ะ!!! (กล้าพูดเนอะ) พี่ต้องมา ฮ่าๆๆๆ
ฮีบอกแต่อย่าไปแต่งไกลนะเอาในไทยก็พอ แหมมมๆๆๆ พี่ ๆ ให้หนูหาสามีให้ได้ก่อนนะ ฮี่ๆๆๆๆ
ป.ล.วันนี้ทีมเราเตรียมน้ำตาแตกได้เลยจ๊ะ
9/12/13
S I C K
เริ่มจากวันพุธเย็นคือรถติดมากกกกกกก เรายังสบายดีอยู่ไม่มีอาการอะไร
เรารอรถนานมากพอได้ขึ้นรถแล้ว รถก็ยังติดอยู่อีกกว่าจะถึงบ้านก็สองชั่วโมงเลย
ตอนนั่งในรถสองแถวที่ติด ๆ เราแทบจะหลับเลยคือรอรถก็เหนื่อยแล้วแถมรถยังติดอีก เหนื่อยไปอีก 3 เท่า
พอถึงบ้านวางกระเป๋าเรานอนราบกะพื้นเลยหายใจไม่ทันเหนื่อยมาก คือเราเป็นโรคเกี่ยวกับปอดอยู่แล้ว
ร่างกายเราแข็งแรงนะป่วยน้อยมาก (3 ปีครั้งได้) แต่ถ้าป่วยมานี่หนักเลยหายใจลำบาก
วันพฤหัสก็เลยลางานดีกว่าคือไม่ได้มีไข้ น้ำมูกอะไรหรอกนะแค่หายใจติดขัดแล้วก็หอบแค่นั้นไม่ต้องลางานก็ได้
แต่พอเดินลงมาซื้อกาแฟเท่านั้นแหละ ตัวโหวงปวดหัวมากคิดว่าคิดถูกแล้วหล่ะที่ลางานวันนี้
พอได้หยุดแล้วเราก็ไม่หลับนะ (กลัวตาสว่างตอนกลางคืน) ก็เลยดูซีรี่ย์ เราดูผ่านแอพ TV Thailand
ดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นไปถึง ep.5 (ดูโหดเหมือนกันนะ) เราดูเรื่อง Summer Rescue ดูไปน้ำตาแตกไปมันทุกตอนเลย
คือซีรี่ย์ญี่ปุ่นออกแนวปลุกใจไง พยายามนะ ต้องสู้นะ กัมบัตเต่นะ อะไรแบบนี้ เรามันเซนซิทีฟเรื่องแบบนี้
มากกว่าซีรี่ย์แนวรัก ๆ ใคร่ ๆ อ่ะ
สิ่งที่ได้มากกว่าเนื้อหาคือ นี่เราคงต้องกลับไปเอาจริงเอาจังกับภาษาญี่ปุ่นง่อย ๆ ของเราแล้วสินะ
เวลาหนุ่ม ๆ ไอดอลเราไปออกรายการเราจะได้ฟังออกว่าเค้าพูดอะไรกัน (แรงจูงใจแรดมากคะ)
วันนี้ศุกร์ 13 มาทำงานปกติไม่มาไม่ได้มีอะไรต้องทำเยอะเลย แต่อาการหายใจขัด ๆ ยังมีเหมือนเดิม
เดินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เหนื่อยแล้วหายใจไม่ทัน เริ่มมีอาการปวดตัวด้วยนี่คิดอยู่ว่าจะลางานช่วงบ่ายดีไหม
เมื่อปี 2009 เราป่วยเป็นปอดติดเชื้อเข้าโรงพยาบาลเพราะอากาศแบบนี้แหละ ชื้น ๆ ฝนตกไม่หยุด
คิดว่าที่เป็นตอนนี้อากาศเหมือนตอนนั้นเลยจะเป็นหนักอีกหรือเปล่า แดดแรงนี่เราสู้ไม่ถอยเลยนะ
พอเจออากาศแบบนี้ยอมแพ้จริง ๆ :((
9/10/13
มโนหรือเปล่า?
มโนเรื่องแรก ขาวขึ้น
อันแรกสันนิษฐานว่า
คือเราย้ายมาอยู่กับแม่ได้ 3 เดือนแล้ว (ตั้งแต่ยื่นวีซ่า) ใช้ครีมอาบน้ำตัวเองจนหมดแล้ว
ก็เลยใช้สบู่แม่ซึ่งแม่ใช้สบู่นกแก้วสีเหลือง กลิ่นคนแก่มากเค่อะ (กลิ่นมะลิมั้งนะไม่แน่ใจ)
ใช้ไปสักพักรู้สึกว่าตัวเองทำไมขาวขึ้นวะ คือเราเป็นคนผิวเหลืองนะ ถ้าโดนแดดจะดำเลย
แต่อยากได้ผิวแทนไงสาวออฟฟิศ 99% เดือนกางร่มเวลาไปกินข้าวเที่ยงแต่เราไม่ไง
อยากให้ผิวเข้มแต่ตอนนี้มันกลับขาวขึ้น ไม่นะ!
อันที่สองสันนิษฐานว่า
ผลจากการกินน้ำเต้าหู้ทุกเช้าหรือเปล่า? เรากินทุกวันมาเกือบจะ 4 เดือนหล่ะ
เค้าว่ากันว่านมถั่วเหลืองมีฤทธิ์ทำให้ขาวขึ้นได้ แต่เราไม่แน่ใจไงว่าเป็นเพราะ
สบู่นกแก้ว หรือ น้ำเต้าหู้
มโนเรื่องที่สอง ขาเรียวขึ้น
อันนี้คหสต.นะจ๊ะ เราลองมาหลายทีหล่ะไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร
คือก่อนที่เราจะไปฟิตเนสเราวิ่งที่สวนลุมเป็นปกติ (จะเห็นว่ามีช่วงนึงเราผอมมาก)
พอเราไปยิมเราก็เริ่มเล่นเวทพวกนี้ และเราตัวใหญ่ขึ้น เวลาวิ่งบนลู่ขาเราก็ไม่ได้เล็กลง
ตอนนี้เราเริ่มกลับมาวิ่งที่สวนลุมได้สักเดือนนึงแล้ว รู้สึกว่าขาเราเริ่มกระชับขึ้น
เราเลยไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเป็นเพราะพื้นที่เท้าเรากระแทกลงไปหรือเปล่าเกี่ยวไหมไม่รู้
แบบว่าพื้นยางกับพื้นยางมะตอยให้ผลลัพท์ที่ต่างกันไรงี้ ใครวิ่งเยอะ ๆ กรุณาให้คำตอบเราด้วยคะ ฮ่าๆๆ
ตอนนี้ก็วิ่งสวนลุมนะอาทิตย์ละ 3 วัน เสาร์ อาทิตย์ก็ไปเต้นที่ฟิตเนสเหมือนเดิม
ก็ไปเล่นเวทกับโยคะนะ
อีท่อนี่คือเอาไว้ซิทอัพสำหรับเราค่ะ ขาเกี่ยวราวข้างล่างไว้ปล่อยตัวไหลไปกับท่อแล้วยกตัวเองขึ้นมา
วิ่งไป 1 (2.5km.) รอบมาซิทอัพ 100 ทีแล้วไปวิ่งอีก 1 รอบค่อยกลับบ้าน
การลดพุงด้วยแรงตัวเองมันหนักมากกกกก แต่ก็เห็นผลค่อนข้างเร็วค่ะ
ช่วงนี้ขี้เกียจแต่งหน้ามากกกกกกก ถึงมากที่สุด แค่ทาแป้งกับทาปากเพื่อไม่ให้ดูเป็นศพพอ!
ป.ล.ทุกสิ่งในไดหน้านี้ล้วนแต่มโนนะคะ อย่าซีเรียส!
9/3/13
Kwai river bridge - เที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว
9/2/13
สวัสดีเดือนกันยายน อย่างเป็นทางการนะคะ ผ่านไปอีกเดือนนึงแล้ววววววว......
วันนี้ลืมความเศร้าแล้วมาอัพไดแห่งความสุขกันดีกว่า เห็นหัวข้อไดก็น่าจะรู้กันแล้วล่ะเนอะว่าแฮปปี้ดี๊ด๊ากันแค่ไหน
เราว่างานนี้เป็นงานที่ทุกคนในไดคลับรอคอยจะอ่านกันเลยทีเดียวหล่ะ แต่เราขอเจ้าของงานเอามาลงแบบแค่น้ำจิ้มพอ
เดี๋ยวเต็ม ๆ ให้เจ้าของงานเค้าอัพเองดีกว่า
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเราลางานเพื่อไปงานแต่งเจ้ส้มได Sommersomm นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ไปที่กาญจนบุรีบ้านเจ้ส้ม
ไปถึงกาญตอนบ่ายสองเราไปรอที่บขส. เพราะเจ้ส้มทำธุระอยู่แถวนั้นพอดี ก็เลยแวะมารับ จะบอกว่าแดดเมืองกาญร้อนมาก
เรียกว่าไม่แพ้แดดกรุงเทพนะ (เผาควายตายจ๊ะพูดเลยยย) เจ้ส้มมารับเราพร้อมกับเพื่อนนางที่มาจากออสเตรเลียชื่อลีฟ
พอมารับเราเสร็จก็ยังไม่เข้าบ้านนะขับรถวนเมืองกาญก่อน คือต้องจัดการโน่นนี่ให้เรียบร้อยอ่ะกว่าจะเสร็จงาน
ก็ประมาณ 6 โมงเย็นก็ขับรถกลับมาที่บ้านหนองขาว เรามาจัดสถานที่กันต่อ จัดไปเม้าท์ไปนะ กว่าจะได้นอนกัน
ก็ปาเข้าไปตีสองตีสามหล่ะ
ได้เจอเพื่อนใหม่เพิ่มอีกคนนึงชื่อหนิง หนิงเป็นออแพร์ที่สวีเดนและเป็นเพื่อนกับตาล หนิงกลับไทยมาช่วงนี้พอดี
ก็เลยมาช่วยงานด้วยก็เลยได้เจอกัน ได้คุยกับหนิงเรื่องเกี่ยวกับออแพร์ และการทำงานต่าง ๆ เรียกว่าคุยกันถูกคอ
และคุยกันสนุกเหมือนรู้จักกันมาเป็นสิบ ๆ ปี
เราหนิงแล้วก็ตาลทำงานออกแนวเป็นกรรมกรแบกหาม คือยกโต๊ะกันทั้งงานอ่ะ แล้วกินจุอย่างกรรมกรด้วย ฮ่าๆๆ
คืออาเจ้ส้มทำอาหารอร่อยมากกกกก แล้วอาก็จะทำอาหารทั้งวันเราก็กินทั้งวันเหมือนกันเรียกว่ากินกันจนท้องอืดเลย
คือดูจากรูปได้จะเห็นว่าเราอ้วนขาใหญ่มากกกกกกกกก !!!
นอกจากเจอเพื่อนใหม่ที่น่ารักอย่างหนิงแล้ว เรายังเจอญาติ ๆ เจ้ส้มซึ่งน่ารักกันทุกคน คือทุกคนทำกับเราเหมือนว่า
เป็นลูกเป็นหลานคนนึงเลย ไม่รู้สึกห่างเหินหรือเขอะเขินแต่อย่างใดก่อนกลับนี่กอดกันน้ำตาไหลไปหลายรอบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเจ้ส้มกับตาลทำไมถึงแต่คนรัก ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นมันเป็นแบบนี้สินะ น่ารักกันทั้งบ้านเลย
งานตอนเช้าผ่านไปเรียบร้อยดี ตอนจัดโต๊ะช่วงบ่ายมีฝนตกลงมาค่อนข้างหนักและตกถึงดึก ๆ เลย แต่งานก็ผ่านไป
อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร เรา ตาล หนิง ยืนที่โต๊ะต้อนรับซึ่งข้าง ๆ เป็นซุ้มเหล้าปั่นจ้า...ปั่นกันสดๆ ตรงนั้นแหละ
พวกเรารับแขกไปกระดกเหล้าปั่นไปมีฟามสุขไม่น้อยไปกว่าบ่าวสาวเลยนะฮ้า....//พูดด้วยหน้าตาแดงก่ำ
งานเสร็จแขกกลับหมดประมาณ 4 ทุ่มพวกเราก็นอกรอบกันต่อเรียกว่านอนกันเกือบตี 4 นะ ตื่นมาอีกทีคือกินข้าวเที่ยงเลย
พอบ่ายแก่ ๆ เคลียของเสร็จเจ้เต่าพาพวกเราไปกินส้มตำในตัวเมืองส่วนเจ้ส้มพาครอบครัวพี่แหย๋นไปนวดในเมืองเช่นกัน
แล้วเจ้เต่าก็พาไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควเดินไปดูพิพิธภัณฑ์สักพัก เย็น ๆ ก็กลับมาที่บ้านพวกเรานั่งกินตำมะม่วงต่อ
แก้งค์เจ้ส้มยังไม่กลับมาสักประมาณ 3 ทุ่มเจ้ส้มกลับมาก็มาร่วมวงเม้ามอยท์ คือแต่เม้าท์ได้แค่แป่บเดียวนะ
เพราะว่าแต่ละคนงอมกันมาก ๆ พูด ๆ ไปแล้วหลับกลางอากาศกันเลย
เราออกจากบ้านเจ้ส้มเช้าวันจันทร์ (วันนี้) ตอน 7 โมงเช้า มาถึงกรุงเทพตอนประมาณ 10 โมงก็เลยมาทำงานต่อเลย
ใจจริงไม่อยากกลับเลยอ่ะอยากอยู่บ้านกลางทุ่งต่อ สงบมาก เงียบมาก เย็นดีรถก็ไม่ติดผู้คนก็อัธยาศัยดี คืออาลัย
อาวรณ์มาก เจ้เต่าบอกว่าง ๆ ก็มานอนได้นะ บ้านแม่ไม่เคยล็อค คือฟังแล้วน้ำตาคลออ่ะ รักเจ้เต่า
เสร็จไปอีกงานกับงานที่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ ทั้งเจ้าของงานและผู้ร่วมงาน
สุดท้ายนี้ก็ขอให้เจ้กับพี่แหย๋นมีความสุขมาก ๆ นะคะ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพ็ชร มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้นะคะเจ้
:))