9/28/13

Patisserie cafe

วันนี้เราไปกินอาหารอิตาเลี่ยนมา ซึ่งร้านนี้เรานั่งรถผ่านทุกวันใกล้บ้านมากด้วยแต่เข้าใจมาตลอดว่านี้คือร้านกาแฟอย่างเดียว เพราะมองจากข้างนอกร้านค่อนข้างเล็กและไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นร้านอาหารได้เลย






ร้านชื่อ Attrasing Patisserie & Cafe 
:: พิกัดร้าน :: 
เยื้องกับราชมงคลเทคนิคกรุงเทพ ข้างๆ การะว่ายน้ำสโมสรทหาร 







เรามาดูอาหารกันบ้างดีกว่าว่าเราสั่งอะไรกันไปบ้าง เราไปกัน 3 อิ่มจุกเลย อ่อ ร้านนี้เค้าให้เครื่องดื่มฟรีคนละแก้วด้วยนะเป็นน้ำอัญชัญ หอมดีไม่หวานมากด้วย แต่ถ้าใครอยากสั่งเพิ่มก็แก้วละ 28 บาท แต่ได้แก้วใหญค่ะ





จานแรกเราสั่งสลัดผัก เป็นน้ำสลัดงาญี่ปุ่น เค้าใส่สาหร่ายวากาเมะลงไปด้วยอร่อยมาก กินเสร็จถึงคิดได้ว่าลืมถ่ายรูป (^_^;)

จานที่สองเราสั่งสปาเกตตี้ครีมซอสแฮมเห็ด สั่งมาสองจาน เพราะกลัวไม่อิ่ม ฮ่าๆๆ






ตามมาจานที่สองมากินอาหารอิตาเลี่ยนทั้งทีพิซซ่าขาดไม่ได้นะคะ เราสั่งเป็นหน้ารวมมิตรฮาวาเอี้ยน พิซซ่าแป้งบางกรอบกินตอนร้อนๆ อร่อยมากๆ 






มาถึงจานสุดท้ายที่สั่งมาเพราะคิดว่าจะไม่อิ่มปรากฏว่าพอมาเสิร์ฟปุ้บ จานใหญ่มว๊ากกกกก เป็นลาซานญ่าค่ะ ชีสโบ้มมมม!!!!






มาดูค่าเสียหายกันดีกว่าว่าจ่ายไปเท่าไหร่ ตามบิลเลยค่ะ ถือว่าถูกมากๆ ใครว่าของถูกและดีไม่มีในโลกจริงไหม

9/26/13

Eat at SAKURA house : Kaosarn Road




สวัสดีเช้าวันศุกร์ค่ะ :)

หลังจากที่ฝนไม่ตกมา 2 วัน เราสัมผัสได้ว่าอากาศเย็นลง มีลมพัดอ่อน ๆ นี่ฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วสินะ ^^,,
แต่อย่ามาหนาวแค่วันสองวันนะจ๊ะ ขอให้ได้ใช้ผ้าพันคอเสื้อกันหนาวประหนึ่งออทั่มในซีรี่ย์เกาหลีบ้างอะไรบ้าง


:: ไดหน้าที่แล้วเรื่องอาร์มแบนด์หลังจากใช้แล้วมาเล่าสู่กันฟัง ::
หลังจากที่ใส่เข้าไปที่ต้นแขนแล้วปรากฏว่าหลวมอยู่นิดหน่อย เราใช้วิธีการพันสายหูฟังเข้าไปกับสายอาร์มแบนด์
ทำให้คับขึ้นมานิดนึง ในขณะที่วิ่งเราต้องยกแขนขึ้นซึ่งกล้าม (อันน้อยนิด) มันจะปูดขึ้นมาทำให้อาร์มแบนด์มันพอดีค่ะ
อาการตอนใส่สักสองนาทีแรก มันจะรู้สึกยุกยิกนะอะไรมาเกะกะแขน แต่ผ่านไปแป่บเดียวก็ลืมแล้วว่ามีไอ้นี่
ติดอยู่ สำหรับเรามันโอเคในระดับนึง แต่แนะนำว่าต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ นะ เพราะตอนถอดออกมาเหงื่อโชกกกก...




เมื่อวานนี้นัดกับข้าวตู (ข้าวตูคือน้องที่ไปทำงานที่ญี่ปุ่นด้วยกันเมื่อหลายปีก่อนด้วยความที่ต้องทำทุกอย่างด้วยกันร่วม
 ๆ หลายเดือนในบ้านเมืองที่ไม่ใช่บ้านเรา ภาษาก็ไม่ใช่ของเราเมื่อคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องเราต้องคุยกันเอง
ณ จุดนี้ทำให้สนิทกันมาก) หลังจากจบโทที่ศิสปากรแล้ว ข้าวตูไปเป็นอาจารย์สอนศิลปะอยู่ที่พะเยา
นาน ๆ จะมากรุงเทพซักทีเจอกันก็จัดหนักเลย เพราะได้ข่าวมาว่าน้องโหยมากกกกกก อยู่โน้นหากินยาก ฮ่าๆๆๆ
นัดเจอกับโทมี่ด้วยไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้ว ตอนนี้โทมี่พูดไทยได้เก่งขึ้นและฟังรู้เรื่องขึ้นเยอะเลย กวนตีนด้วยนะ
เราไลน์ไปชวนนางเป็นภาษาญี่ปุ่นง่อย ๆ นางตอบมาด้วยภาษาไทยจ้าาาาาา (แถมส่งติ๊กเกอร์ขำมาด้วย)

ถ่ายในลิฟท์ทางขึ้นไปซากุระเฮ้าส์ ลิฟท์มาเฟียมากฮ่ะ





เราไปกินข้าวกันที่ร้านซากุระเฮ้าส์ตรงถนนข้าวสาร ร้านนี้เรามากินตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น แต่ก็ไม่ได้มาบ่อย
เพราะไกลนะตั้งข้าวสารแหนะ ฮ่าๆๆ โอกาสพิเศษจริง ๆ ถึงจะมา หลาย ๆ คนคงรู้จักร้านนี้นะ เวลาไปกินเราเห็น
นักศึกษามากินกันค่อนข้างเยอะ ถึงแม้ว่าร้านออกจะหายากอยู่สักหน่อยก็ตาม






















หลังจากที่ไม่ได้มากินนาน เรารู้สึกว่าร้านคงทำเมนูใหม่นะ เพราะอาหารบางอย่างเราไม่เคยเห็นอ่ะ เช่นยำแซลมอน
กับเห็ดเข็มทองพันเบคอน เอ๊ะ หรือเบคอนพันเห็ด ?? รอบนี้ได้กินอูเมชู (เหล้าบ๊วย) ด้วยอ่ะ รู้สึกว่ายี่ห้อนี้อร่อยจัง
จะสั่งอีกขวดแต่ปรากฏว่าที่เรากินอยู่นั่นคือขวดสุดท้าย อ่ะ อดกันไป
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ๆ ร้านนี้ก็ยังราคาเท่าเดิมนะ คือไม่แพงยังไงก็ยังไม่แพงอย่างงั้นแหละ นี่กินกันแบบอิ่มแทบคลาน
ค่าเสียหายแค่ 700 นิด ๆ (3 คนรวมอูเมชูด้วย) และจะบอกว่าแซลมอนนี่ไม่ใช่เศษแซลมอนอ่ะ คือเต็มปากเต็มคำเลย
ได้หลายชิ้นด้วยนะ ขณะพิมพ์อยู่นี้ก็อยากกินอีกเลิฟมากกกกก ในเมนูรูปเล็กมาก แต่มาจริงเยอะมากใหญ่มากกกกก


:: พิกัดร้าน ::
ถ้ามาจากทางราชดำเนิน เดินเข้ามาในซอยรามบุตรีปากซอยมีร้านสเวนเซ่น เดินตรงมาเรื่อย ๆ
ทางขวามือจะเป็นโรงแรมเวียงใต้ ตรงข้ามจะเป็นร้านอาหารใหญ่ ๆ ที่มีโต๊ะไม้ตั้งเยอะ ๆ และมีคลินิคสุรัตน์
ให้เดินเข้ามาในตึกที่เขียนว่าคลินิคสุรัตน์นั่นแหละ จะเจอลิฟท์มาเฟียตัวเดียวเก่า ๆ และกดป้าบ! ไปชั้น 4 โลดดด
ออกมาจากลิฟท์จะเจอร้านเลยจ๊ะ มีอยู่ร้านเดียว ตามนั้นนะจ๊ะ





ถ้ารักกันให้ทำปากจู๋...........














9/25/13

Armband Case





คิดมาสักพักแล้วว่าจะซื้อ อาร์มแบนด์ ซักอันเอาไว้ใส่โทรศัพท์เวลาไปวิ่งสวนลุม เพราะเวลาวิ่งแล้วมือถือโทรศัพท์
มันวิ่งไม่ถนัดอ่ะ เมื่อยมือ แถมมีเหงื่อออกที่มือด้วย กลัวโทรศัพท์พัง (ถ้าใช้ 3310 คงไม่เครียดแบบนี้ ฮ่าๆ)
ซึ่งตอนแรกเราเองไม่รู้ว่ามีขายที่ไหนบ้างเพราะเสิร์ชกูเกิ้ลก็เจอแต่ขายออนไลน์ซึ่งเราไม่ชอบซื้อของออนไลน์
ก็เลยไปโพสต์ถามในพันทิปว่าไปซื้อที่ไหนดี เอาที่ราคาไม่แพงก็มีคนมาตอบพอสมควร ถ้าเอาดี ๆ หน่อย
ก็ที่ไอสตูดิโอ อันละ 800 บาท แต่แหมนะ นักวิ่งทุนต่ำเช่นดิฉัน ควรจะมีไอเทมอะไรที่น่าจะเหมาะสมกว่านี้
และฟ้าก็มาโปรดคะ มีพี่สาวคนนึงคนมาตอบว่าซื้อที่มาบุญครองชั้น 4 (ที่ขายโทรศัพท์เยอะๆ)



นี่คืออาร์มแบนด์ค่ะ (ภาพจาก Google)






ส่วนอันนี้เป็นของเราที่ซื้อมา





ไปเดินดูที่มาบุญครอง ถามร้านแรกเลย แม่ค้าถามว่าหนูใช้เองหรือเปล่าเราบอกว่าใช้เอง แม่ค้าตอบว่างั้นไม่มีจ๊ะ
พี่มีแต่ไซส์อาหรับหนูใส่ไม่ได้แน่นอน ถะ ถะ โถ่!!  อาหรับจะใหญ่ซักแค่ไหนกันเชียววววว...../เดินคอตกออกมาก
ร้านที่สองเค้าบอกว่ามีก็พาเราไปเดินดู แต่ปรากฏว่าหมดจ้า.....เดินคอตกออกมาอีกรอบ ไหน ๆ ก็มาถึงถิ่นแล้ว
จงสู้ต่อไปปปปป
ร้านที่ 3 พนักงานบอกว่ามีอันละ 250 บาท เอาเลยไม่คิดมาก ไม่เดินหาของถูกกว่านี้ด้วย เพราะตั้งเป้าไว้
แพงกว่านี้ ซื้อมาไม่ลองจ๊ะเพราะรีบ จ่ายตังเสร็จเดินออกมาจากร้านเลย กลับมาลองที่ออฟฟิศ
และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น !!! ลูกชายดิฉันยัดเข้าไปในเคสไม่ได้ค๊า!!!!!! มันแน่นยิ่งกว่าอกซะอีก
พยายามงัด แงะ ง้าง อยู่นานพอสมควรพลันนึกได้ว่า อ้าวววว เคสโทรศัพท์กูหนาเกินที่จะยัดลงไปได้นี่หว่า
สติมาปัญญาเกิดถอดเคสออกเถิดจะเกิดผลนะจ๊ะ แหม ๆ ๆ เกือบได้โง่นั่งรถเอากลับไปคืนหล่ะ




ฮัดช่า!!! รูปหน้าจอมันแรดสมกับเป็นนักกีฬาจุงเบยยย >"<





ปรากฏว่านั่งรถกลับมาฝนตกห่าใหญ่เลยยยยยยย ในใจภาวนาว่า มึงรีบ ๆ ตกมาเลยนะก๊ะ แล้วตอนเย็นห้ามตกอีก
คือเราแบกชุดมาเก้อเกือบทุกวันอ่ะ เลิกงานปุ๊ป ตกปั๊บเหมือนตอกบัตรทำงานเลยจ๊ะฝนจ๋า.....
ขณะอัพไดอยู่นี่ฝนก็กำลังตกอยู่หล่ะ ให้เวลาตกอีกชั่วโมงครึ่งนะ จะไปใช้ของที่ซื้อมาใหม่ เห่อ





9/18/13

Waykin






Thursday 19 September 2013


วันนี้คือวันสุดท้ายของการทำงานของคุณเวคิน คุณเวคินคือเจ้านายเราเองเป็นเจ้านายลูกน้องกันมา 3 ปีกว่าหล่ะ
ส่วนคุณเวคินทำงานที่นี่มาประมาณ 8 ปี คุณเวคินมีหน้าที่เป็นเจ้านายที่รัก เป็นพี่ชาย เป็นเพื่อน และบางครั้งก็เป็นครู
และหน้าที่หลัก ๆ ของคุณเวคินคือการเป็น ม.ก.ม. (A.K.A ไม้กันหมานั่นเอง) เวลาหมาจะกัดลูกน้อง
แต่ตามวค.สไตล์แล้วเค้าจะไม่เตะหมาค่ะ แต่จะเอาตัวบังหมาให้น้อง ๆ และตัวเองก็โดนหมากัดแทน



เราบอกวค.ว่าเดี๋ยวเราจะไปสวีเดนแล้วนะ อีกไม่นาน ผ่านไปไม่ถึงเดือนวค.เดินมาบอกว่าพี่ขอโทษนะ ที่พี่จะไปก่อน
ถามว่าเสียใจไหม มันก็เสียใจแหละ ถึงรู้ว่าอีกไม่นานเราก็ต้องไปเหมือนกัน แต่มันก็อดใจหายไม่ได้หล่ะเนอะ
ชีวิตคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่ช่วงชีวิตการทำงานจะมีเจ้านายที่ดีสักคน



จิ๊กมาจากเฟสบุควค.





เมื่อคืนก่อนไปเลี้ยงส่งวค.กันมา ไปแถว ๆ บ้านวค.นั่นแหละค่ะร้านแซ่บอินดี้ (ร้านนี้โอเคเลยแซ่บจัดจ้านมาก)
ที่ร้านหมดเบียร์ไปเกือบสิบขวด แล้วมากินกันต่อที่บ้านวค.อีกเกือบสิบขวด นอนกันตีสองที่บ้านวค.นั่นแหละ
ตื่นมา 6 โมงเช้าเข้าคิวกันไปอาบน้ำเพื่อที่จะไปทำงานให้ทัน 9 โมง O.O! ง่วงนะแต่สนุกและมีความสุขมากกกก



ทีมเราทำรูปนี้ให้วค. ฮีน้ำตาไหลเลย (ซึ่งปกติก็ขี้แยอยู่แล้วนะ)











เราบอกกับวค.ว่าพี่สัญญากะหนูได้ป่าว ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนถ้าวันหนูแต่งงาน ห๊ะ!!! (กล้าพูดเนอะ) พี่ต้องมา ฮ่าๆๆๆ
ฮีบอกแต่อย่าไปแต่งไกลนะเอาในไทยก็พอ แหมมมๆๆๆ พี่ ๆ ให้หนูหาสามีให้ได้ก่อนนะ ฮี่ๆๆๆๆ


ป.ล.วันนี้ทีมเราเตรียมน้ำตาแตกได้เลยจ๊ะ





9/12/13

S I C K






เริ่มจากวันพุธเย็นคือรถติดมากกกกกกก เรายังสบายดีอยู่ไม่มีอาการอะไร
เรารอรถนานมากพอได้ขึ้นรถแล้ว รถก็ยังติดอยู่อีกกว่าจะถึงบ้านก็สองชั่วโมงเลย
ตอนนั่งในรถสองแถวที่ติด ๆ เราแทบจะหลับเลยคือรอรถก็เหนื่อยแล้วแถมรถยังติดอีก เหนื่อยไปอีก 3 เท่า
พอถึงบ้านวางกระเป๋าเรานอนราบกะพื้นเลยหายใจไม่ทันเหนื่อยมาก คือเราเป็นโรคเกี่ยวกับปอดอยู่แล้ว
ร่างกายเราแข็งแรงนะป่วยน้อยมาก (3 ปีครั้งได้)  แต่ถ้าป่วยมานี่หนักเลยหายใจลำบาก






วันพฤหัสก็เลยลางานดีกว่าคือไม่ได้มีไข้ น้ำมูกอะไรหรอกนะแค่หายใจติดขัดแล้วก็หอบแค่นั้นไม่ต้องลางานก็ได้
แต่พอเดินลงมาซื้อกาแฟเท่านั้นแหละ ตัวโหวงปวดหัวมากคิดว่าคิดถูกแล้วหล่ะที่ลางานวันนี้
พอได้หยุดแล้วเราก็ไม่หลับนะ (กลัวตาสว่างตอนกลางคืน) ก็เลยดูซีรี่ย์ เราดูผ่านแอพ TV Thailand
ดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นไปถึง ep.5 (ดูโหดเหมือนกันนะ)  เราดูเรื่อง Summer Rescue ดูไปน้ำตาแตกไปมันทุกตอนเลย
คือซีรี่ย์ญี่ปุ่นออกแนวปลุกใจไง พยายามนะ ต้องสู้นะ กัมบัตเต่นะ อะไรแบบนี้ เรามันเซนซิทีฟเรื่องแบบนี้
มากกว่าซีรี่ย์แนวรัก ๆ ใคร่ ๆ อ่ะ
สิ่งที่ได้มากกว่าเนื้อหาคือ นี่เราคงต้องกลับไปเอาจริงเอาจังกับภาษาญี่ปุ่นง่อย ๆ ของเราแล้วสินะ
เวลาหนุ่ม ๆ ไอดอลเราไปออกรายการเราจะได้ฟังออกว่าเค้าพูดอะไรกัน (แรงจูงใจแรดมากคะ)






วันนี้ศุกร์ 13 มาทำงานปกติไม่มาไม่ได้มีอะไรต้องทำเยอะเลย แต่อาการหายใจขัด ๆ ยังมีเหมือนเดิม
เดินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เหนื่อยแล้วหายใจไม่ทัน เริ่มมีอาการปวดตัวด้วยนี่คิดอยู่ว่าจะลางานช่วงบ่ายดีไหม
เมื่อปี 2009 เราป่วยเป็นปอดติดเชื้อเข้าโรงพยาบาลเพราะอากาศแบบนี้แหละ ชื้น ๆ ฝนตกไม่หยุด
คิดว่าที่เป็นตอนนี้อากาศเหมือนตอนนั้นเลยจะเป็นหนักอีกหรือเปล่า แดดแรงนี่เราสู้ไม่ถอยเลยนะ
พอเจออากาศแบบนี้ยอมแพ้จริง ๆ :((










9/10/13

มโนหรือเปล่า?

 

 

 

 

มโนเรื่องแรก ขาวขึ้น

 

อันแรกสันนิษฐานว่า

คือเราย้ายมาอยู่กับแม่ได้ 3 เดือนแล้ว (ตั้งแต่ยื่นวีซ่า) ใช้ครีมอาบน้ำตัวเองจนหมดแล้ว

ก็เลยใช้สบู่แม่ซึ่งแม่ใช้สบู่นกแก้วสีเหลือง กลิ่นคนแก่มากเค่อะ (กลิ่นมะลิมั้งนะไม่แน่ใจ)

ใช้ไปสักพักรู้สึกว่าตัวเองทำไมขาวขึ้นวะ คือเราเป็นคนผิวเหลืองนะ ถ้าโดนแดดจะดำเลย

แต่อยากได้ผิวแทนไงสาวออฟฟิศ 99% เดือนกางร่มเวลาไปกินข้าวเที่ยงแต่เราไม่ไง

อยากให้ผิวเข้มแต่ตอนนี้มันกลับขาวขึ้น ไม่นะ!

 

 

อันที่สองสันนิษฐานว่า

ผลจากการกินน้ำเต้าหู้ทุกเช้าหรือเปล่า? เรากินทุกวันมาเกือบจะ 4 เดือนหล่ะ

เค้าว่ากันว่านมถั่วเหลืองมีฤทธิ์ทำให้ขาวขึ้นได้ แต่เราไม่แน่ใจไงว่าเป็นเพราะ

สบู่นกแก้ว หรือ น้ำเต้าหู้

 

 

 

 

 

 

มโนเรื่องที่สอง ขาเรียวขึ้น

อันนี้คหสต.นะจ๊ะ เราลองมาหลายทีหล่ะไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร

คือก่อนที่เราจะไปฟิตเนสเราวิ่งที่สวนลุมเป็นปกติ (จะเห็นว่ามีช่วงนึงเราผอมมาก)

พอเราไปยิมเราก็เริ่มเล่นเวทพวกนี้ และเราตัวใหญ่ขึ้น เวลาวิ่งบนลู่ขาเราก็ไม่ได้เล็กลง

ตอนนี้เราเริ่มกลับมาวิ่งที่สวนลุมได้สักเดือนนึงแล้ว รู้สึกว่าขาเราเริ่มกระชับขึ้น

เราเลยไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเป็นเพราะพื้นที่เท้าเรากระแทกลงไปหรือเปล่าเกี่ยวไหมไม่รู้

แบบว่าพื้นยางกับพื้นยางมะตอยให้ผลลัพท์ที่ต่างกันไรงี้ ใครวิ่งเยอะ ๆ กรุณาให้คำตอบเราด้วยคะ ฮ่าๆๆ

ตอนนี้ก็วิ่งสวนลุมนะอาทิตย์ละ 3 วัน เสาร์ อาทิตย์ก็ไปเต้นที่ฟิตเนสเหมือนเดิม

ก็ไปเล่นเวทกับโยคะนะ

 

 

 

อีท่อนี่คือเอาไว้ซิทอัพสำหรับเราค่ะ ขาเกี่ยวราวข้างล่างไว้ปล่อยตัวไหลไปกับท่อแล้วยกตัวเองขึ้นมา

วิ่งไป 1 (2.5km.) รอบมาซิทอัพ 100 ทีแล้วไปวิ่งอีก 1 รอบค่อยกลับบ้าน

การลดพุงด้วยแรงตัวเองมันหนักมากกกกก แต่ก็เห็นผลค่อนข้างเร็วค่ะ

 

 

 

 

ช่วงนี้ขี้เกียจแต่งหน้ามากกกกกกก ถึงมากที่สุด แค่ทาแป้งกับทาปากเพื่อไม่ให้ดูเป็นศพพอ!

 

 

 

 

ป.ล.ทุกสิ่งในไดหน้านี้ล้วนแต่มโนนะคะ อย่าซีเรียส!

 

 

 

 

9/3/13

Kwai river bridge - เที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว




ตอนนี้กำลังดูนางร้ายสายลับย้อนหลัง เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาไปงานแต่งเจ้ส้มเลยไม่ได้ดูตอนอวสาน
ด้วยความที่เน็ตง่อย wifi ก็ไม่มี 3g ก็กากเลยทำให้ดูได้ทีละนิดๆ คือตอนนึงต้องใช้เวลาดูประมาณ 3 ชั่วโมงอ่ะ
เรื่องอื่นไม่ดูก็ได้ แต่เรื่องนี้ต้องดู! ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ได้อยากให้อวสานเลยนะ T...T






มาเข้าเรื่องไปเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแควกันเถอะ  **รูปทุกรูปมาจากกล้องตาลนะจ๊ะ**
หลังจากกินข้าวเที่ยงกันแล้วเจ้เต่าก็พาพวกเราไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเราเองแหละที่รีเควสเพราะอยากเห็น
เจ้เต่าบอกไม่ไกลจากบ้านก็เลยพามา ทางผ่านเห็นสุสานของคนที่เสียชีวิตในสงครามด้วยแต่ไม่ได้ลงไปดู
แต่ก็เป็นสุสานที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลย




วันอาทิตย์คนมาเที่ยวที่นี่ค่อนข้างเยอะ คือถ่ายรูปมุมไหนก็ติดคนตลอดเลย เราเลยไม่ถ่ายอารมณ์เสีย ฮ่าๆๆ
เดินแถว ๆ สะพานแป่บเดียวก็กลับ (เพราะมีแต่สะพานจริง ๆ ) เดินมาที่พิพิธภัณฑ์สงคราม แต่ปิดแล้ว
เราขึ้นไปถ่ายรูปที่รถไฟที่เค้าตั้งไว้หน้าพิพิธภัณฑ์ เป็นรถไฟที่ใช้ในสงครามจริง ๆ เค้าให้ขึ้นไปถ่ายรูปได้
ตอนขึ้นไปนะบอกเลยว่ามันรู้สึกหวิว ๆ มาก เหมือนมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ แล้วตอนนั้นเวลามันโพล้เพล้แล้ว
เพิ่มพลังความอึมครึมมากขึ้นเป็นเท่าตัว




จะบอกว่าอยู่บ้านเจ้ส้มมานี่เราหน้าสดตลอดเลยยกเว้นวันแต่งงานเจ้ คืออยู่แบบนี้ไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้ไง
ทาแป้งฝุ่นกับทาลิปมันหรือลิปเปลี่ยนสีแค่นี้พอ และนอกจากหน้าสดแล้ว เรายังกินวันละ 5 มื้อด้วย
ขนมนมเนยเต็มไปหมด กินเยอะไม่เท่าไหร่เราไม่อึด้วยอ่ะ เหมือนกับว่ามันแปลกที่ร่างกายก็เลยปรับไม่ได้
ไม่อึ 3 วัน กิน 5 มื้อ มองเผิน ๆ อาจคิดว่าเราท้อง 5 เดือนนะคะ





ตอนแรกเราจะออกจากเมืองกาญคืนวันอาทิตย์ แต่ตาลกลัวว่าจะถึงกรุงเทพดึกไปก็เลยให้กลับเช้าวันจันทร์
ออกจากเมืองกาญ 7 โมงเช้าถึงกรุงเทพประมาณ 10 โมงมาทำงานต่อง่วงมากกกกกก (และหน้าสด 555)
บอกตรง ๆ เลยว่าไม่อยากกลับวันนี้พวกเจ้ ๆ ไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณกันอยากไปด้วยแต่ถ้าไม่กลับไปทำงาน
อาจจะได้ไปเที่ยวน้ำตกทุกวันนะ ณ จุด ๆ นี้















9/2/13




สวัสดีเดือนกันยายน อย่างเป็นทางการนะคะ ผ่านไปอีกเดือนนึงแล้ววววววว......


วันนี้ลืมความเศร้าแล้วมาอัพไดแห่งความสุขกันดีกว่า เห็นหัวข้อไดก็น่าจะรู้กันแล้วล่ะเนอะว่าแฮปปี้ดี๊ด๊ากันแค่ไหน
เราว่างานนี้เป็นงานที่ทุกคนในไดคลับรอคอยจะอ่านกันเลยทีเดียวหล่ะ แต่เราขอเจ้าของงานเอามาลงแบบแค่น้ำจิ้มพอ
เดี๋ยวเต็ม ๆ ให้เจ้าของงานเค้าอัพเองดีกว่า

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเราลางานเพื่อไปงานแต่งเจ้ส้มได Sommersomm นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ไปที่กาญจนบุรีบ้านเจ้ส้ม
ไปถึงกาญตอนบ่ายสองเราไปรอที่บขส. เพราะเจ้ส้มทำธุระอยู่แถวนั้นพอดี ก็เลยแวะมารับ จะบอกว่าแดดเมืองกาญร้อนมาก
เรียกว่าไม่แพ้แดดกรุงเทพนะ (เผาควายตายจ๊ะพูดเลยยย) เจ้ส้มมารับเราพร้อมกับเพื่อนนางที่มาจากออสเตรเลียชื่อลีฟ
พอมารับเราเสร็จก็ยังไม่เข้าบ้านนะขับรถวนเมืองกาญก่อน คือต้องจัดการโน่นนี่ให้เรียบร้อยอ่ะกว่าจะเสร็จงาน
ก็ประมาณ 6 โมงเย็นก็ขับรถกลับมาที่บ้านหนองขาว เรามาจัดสถานที่กันต่อ จัดไปเม้าท์ไปนะ กว่าจะได้นอนกัน
ก็ปาเข้าไปตีสองตีสามหล่ะ





ได้เจอเพื่อนใหม่เพิ่มอีกคนนึงชื่อหนิง หนิงเป็นออแพร์ที่สวีเดนและเป็นเพื่อนกับตาล หนิงกลับไทยมาช่วงนี้พอดี
ก็เลยมาช่วยงานด้วยก็เลยได้เจอกัน ได้คุยกับหนิงเรื่องเกี่ยวกับออแพร์ และการทำงานต่าง ๆ เรียกว่าคุยกันถูกคอ
และคุยกันสนุกเหมือนรู้จักกันมาเป็นสิบ ๆ ปี
เราหนิงแล้วก็ตาลทำงานออกแนวเป็นกรรมกรแบกหาม คือยกโต๊ะกันทั้งงานอ่ะ แล้วกินจุอย่างกรรมกรด้วย ฮ่าๆๆ
คืออาเจ้ส้มทำอาหารอร่อยมากกกกก แล้วอาก็จะทำอาหารทั้งวันเราก็กินทั้งวันเหมือนกันเรียกว่ากินกันจนท้องอืดเลย
คือดูจากรูปได้จะเห็นว่าเราอ้วนขาใหญ่มากกกกกกกกก !!!









นอกจากเจอเพื่อนใหม่ที่น่ารักอย่างหนิงแล้ว เรายังเจอญาติ ๆ เจ้ส้มซึ่งน่ารักกันทุกคน คือทุกคนทำกับเราเหมือนว่า
เป็นลูกเป็นหลานคนนึงเลย ไม่รู้สึกห่างเหินหรือเขอะเขินแต่อย่างใดก่อนกลับนี่กอดกันน้ำตาไหลไปหลายรอบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเจ้ส้มกับตาลทำไมถึงแต่คนรัก ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นมันเป็นแบบนี้สินะ น่ารักกันทั้งบ้านเลย









งานตอนเช้าผ่านไปเรียบร้อยดี ตอนจัดโต๊ะช่วงบ่ายมีฝนตกลงมาค่อนข้างหนักและตกถึงดึก ๆ เลย แต่งานก็ผ่านไป
อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร เรา ตาล หนิง ยืนที่โต๊ะต้อนรับซึ่งข้าง ๆ เป็นซุ้มเหล้าปั่นจ้า...ปั่นกันสดๆ ตรงนั้นแหละ
พวกเรารับแขกไปกระดกเหล้าปั่นไปมีฟามสุขไม่น้อยไปกว่าบ่าวสาวเลยนะฮ้า....//พูดด้วยหน้าตาแดงก่ำ









งานเสร็จแขกกลับหมดประมาณ 4 ทุ่มพวกเราก็นอกรอบกันต่อเรียกว่านอนกันเกือบตี 4 นะ ตื่นมาอีกทีคือกินข้าวเที่ยงเลย
พอบ่ายแก่ ๆ เคลียของเสร็จเจ้เต่าพาพวกเราไปกินส้มตำในตัวเมืองส่วนเจ้ส้มพาครอบครัวพี่แหย๋นไปนวดในเมืองเช่นกัน
แล้วเจ้เต่าก็พาไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแควเดินไปดูพิพิธภัณฑ์สักพัก เย็น ๆ ก็กลับมาที่บ้านพวกเรานั่งกินตำมะม่วงต่อ
แก้งค์เจ้ส้มยังไม่กลับมาสักประมาณ 3 ทุ่มเจ้ส้มกลับมาก็มาร่วมวงเม้ามอยท์ คือแต่เม้าท์ได้แค่แป่บเดียวนะ
เพราะว่าแต่ละคนงอมกันมาก ๆ พูด ๆ ไปแล้วหลับกลางอากาศกันเลย









เราออกจากบ้านเจ้ส้มเช้าวันจันทร์ (วันนี้) ตอน 7 โมงเช้า มาถึงกรุงเทพตอนประมาณ 10 โมงก็เลยมาทำงานต่อเลย
ใจจริงไม่อยากกลับเลยอ่ะอยากอยู่บ้านกลางทุ่งต่อ สงบมาก เงียบมาก เย็นดีรถก็ไม่ติดผู้คนก็อัธยาศัยดี คืออาลัย
อาวรณ์มาก เจ้เต่าบอกว่าง ๆ ก็มานอนได้นะ บ้านแม่ไม่เคยล็อค คือฟังแล้วน้ำตาคลออ่ะ รักเจ้เต่า







เสร็จไปอีกงานกับงานที่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ ทั้งเจ้าของงานและผู้ร่วมงาน
สุดท้ายนี้ก็ขอให้เจ้กับพี่แหย๋นมีความสุขมาก ๆ นะคะ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพ็ชร มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
แล้วเจอกันเร็ว ๆ นี้นะคะเจ้
:))