5/28/15

Do wax at home : แว๊กซ์ขนส่วนเกินง่ายๆ




**เตือนไว้ก่อนว่าบล็อกนี้อาจมีภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่นะ กินข้าวอยู่อาจจะสำลักได้**


เราเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องขนหน้าแข้งแบบเฟิ้มมากกกกกกกกกก เราคิดว่านี่ก็หน้าจะเป็นปัญหาสำหรับสาว ๆ หลาย ๆ คนค่ะ 

ก็แก้ปัญหาด้วยวิธีง่าย ๆ นั่นคือการโกนนั่นเอง แต่พอผ่านไป 2 วันเท่านั้นแหละ ขนมันก็โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว

เคยไปแว๊กซ์ที่ร้านอยู่ 2-3 ครั้งค่ะ เราว่าดีนะขนกว่าจะขึ้นก็เกือบเดือนแต่ราคาก็ค่อนข้างแพงเลยล่ะ ให้ทำทุกเดือนก็ไม่ไหวเช่นกัน

แต่ด้วยความที่มันทนไม่ไหวกับขนหน้าแข้งตัวเองแล้วจริง ๆ เลยตัดสินใจไปเดินดูที่บูทส์ คือตอนนั้นคิดว่า 

ถ้าเจออะไรที่ช่วยกำจัดขนได้ก็จะซื้อมาล่ะ อยากใส่ขาสั้นสวย ๆ เหมือนคนอื่นเค้าบ้าง เอาจริง ๆ นะ ขาใหญ่เราไม่อายเท่าขามีขนเลย ฮืออ 






กล่องหน้าตาเป็นแบบนี้




เรายังไม่เคยซื้อจากแหล่งอื่นนะ นี่มาดูที่บูทส์ที่แรกเพราะมีบัตรสมาชิก พบว่าบูทส์ทำเครื่องมือกำจัดขนไว้เยอะมาก 

คือเลือกได้เลย มีแบบแว๊กซ์ร้อน, สเปรย์, ครีม แต่เราตัดสินใจเลือกเป็นแว๊กซ์สำเร็จรูปแบบกล่องมา เพราะเคยซื้อแว๊กซ์แบบมาปาดเอง

แต่ซื้อมาจากร้านอื่นนะ ขนมันไม่หลุดไม่อยากเสี่ยงเสียดายเงิน เลยซื้อแบบสำเร็จรูปมา ถูก ๆ กล่องละ 170 กว่าบาท ถ้าทำแล้วขนไม่หลุด

เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินมาก อย่างน้อยก็ซื้อมาลองก่อน 





แกะออกมาจะมีแผ่นแว๊กซ์ และ มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับเช็ดหลังแว๊กซ์




ทำตามขั้นตอนนี้เลยค่ะ เราจำมาจากร้านแว๊กซ์ ฮ่าๆๆ

1. ล้างขาให้สะอาด ฟอกสบู่ด้วยค่ะ จะได้ไม่เหลือความมันจากโลชั่น ให้ผิวปราศจากความันเอาไว้

2.เช็ดขาให้แห้ง แล้วเอาแป้งทาขาให้ทั่ว ๆ เราไม่แน่ใจว่าทาแป้งทำไม เห็นในยูทูปเค้าบอกว่าทาเพื่อให้ดึงออกง่าย
อ่ะ ทาก็ทา 5555

3.หยิบแผ่นแว๊กซ์ออกมาแล้วดึงมันออกจากกัน เพราะมันประกบกันอยู่ค่ะ เสร็จแล้วแปะลงไปบนขาเลยค่ะ 
เราแนะนำให้ทำทีละข้างนะคะ เพราะเราทำสองข้างพร้อมกัน เรารู้สึกว่าเราไม่จดจ่อกับข้างใดข้างนึงมันเลยไม่ค่อยเกลี้ยง ฮ่าๆๆ

4.พอทาบแผ่นแว๊กซ์ลงไปแล้วก็เอามือปาด ๆ ให้มันนาบไปกับขนและขาของเรา ทิ้งไว้ประมาณ 10 วินาทีค่ะ

5.จับที่แผ่นแว๊กซ์ด้านล่างแล้วกระชากขึ้นมา ให้สวนทางกับขนค่ะ แนะนำว่าต้องกระชากนะคะ ดึงช้า ๆ ขนมันไม่หลุดออกมานะ

ขั้นตอนนี้สำหรับหลายๆ คนที่ไม่เคยแว๊กซ์อาจจะเจ็บมากค่ะ แต่เราชินแล้วไปแว๊กซ์ร้านมาหลายครั้งตอนนี้ชิวมาก ฮ่าๆๆ






อันนี้ดูห่าง ๆ ก่อนยังไม่ซูมเข้าไปนะ ทำใจไว้ก่อน








อันนี้เป็นด้านข้าง ขาด้านนอก ดกดำมากกก





พอกระชากออกมาแล้วอย่าเพิ่งทิ้งแผ่นแว๊กซ์นะ ไปแปะที่ส่วนอื่นต่อได้ค่ะ แผ่นนึงใช้ได้ประมาณ 2-3 ครั้ง 

จนกว่าเราจะรู้สึกว่าขนมันเต็มแผ่นแล้วค่อยเปลี่ยนแผ่นใหม่ สำหรับขาสองข้างเฉพาะขาล่างเราใช้ไป 3 คู่ หรือ 6 แผ่นค่ะ 





อันนี้เป็นขาด้านใน ซึ่งแลดูแมนมากกกก







แปะค่ะแปะมันลงไป แล้วก็กระชากมันออกมาาาา !!!





พอเสร็จขั้นตอนทุกอย่างแล้วขาและนิ้วเราจะเหนียวไปด้วยครีมจากแผ่นแว๊กซ์ ซึ่งล้างน้ำเปล่าไม่ออกค่ะ

ไปแกะไอ้ซองสีขาวที่มาในกล่องแว๊กซ์ จะเจอกับทิชชู่เปียกกลิ่นอโรม่าเช็ดไปเลยค่ะทั้งนิ้ว ทั้งขาไอ้ที่เหนียว ๆ มันจะออกอย่างง่ายดาย





นี่ไงงง ถอนรากถอนโคนกันออกมากันเลยทีเดียว








หลังจากที่แว๊กซ์เสร็จแล้ว มีสภาพแบบนี้







ยังมีขนหลงเหลืออยู่ใช้แหนบถอนออกค่ะ 






มาดูเต็ม ๆ ทั้งสองขา เริ่ดมากกกกกก 





เอาล่ะจบการรีวิวการกำจัดขนขาแต่เพียงเท่านี้นะคะ เดี๋ยวคืนนี้เราจะลองแว๊กซ์บิกินีว่าจะเป็นยังไง 

เพราะข้างกล่องเขียนว่าทำได้กับขนทุกส่วนของร่างกายเลย 555 แต่คิดว่าคงไม่มารีวิวแล้วนะ อายยยย









5/4/15

JLPT Test N5 : สมัครสอบวัดระดับครั้งแรก





เมื่อช่วงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเราไปสมัครสอบวัดระดับมาค่ะ คิดว่าถ้าเรียนแล้วก็ต้องทำอะไรให้มันเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาบ้าง 

คิดว่าการที่ร่ำเรียนมาก็พอสื่อสารได้บ้าง ย้ำว่าแค่ได้บ้างนะในระดับไม่อดตาย ไม่หลงทาง บอกความต้องการของตัวเองได้ คันจิอีกนิดหน่อย

ตอนนี้ก็ได้เวลาอันควรที่จะทดสอบตัวเองแล้ว ถ้าไม่เวิร์คก็ต้องพยายามให้มากขึ้น หรือถ้าเวิร์คก็ลุยต่อไปลุยไปเรื่อย ๆ 

ตอนแรกผู้ชายยุว่าสอบ N4 ไปเลยไหม นับจากวันสมัครเราจะมีเวลาเตรียมตัวประมาณ 4 เดือน (สอบกรกฎาคม) ซึ่งเราไม่เอา ฮ่าๆๆ

เพราะเรารู้ตัวเองว่าเราขี้เกียจมากกกกก ซึ่งครั้งนี้ลงสอบ N5 ก็ยังไม่รู้ว่าจะรอดไหมเลยนะ ภาษาญี่ปุ่นนี่มันยากมากจริง ๆ 

แล้วเราไม่ได้ลงเรียนที่ไหนด้วยอาศัยอ่านเอง คิดว่าไปช้าๆ แต่ไปอย่างชัวร์ ๆ ดีกว่า 











สำหรับการสอบวัดระดับจะเปิดสอบปีละ 2 ครั้ง คือกลางปี กับ ปลายปี เรากะว่ากลางปีถ้า N5 ผ่าน ปลายปี N4 เจอกัน ฮึ้บบบ !!! 

เราซื้อใบสมัครที่สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่นตรงซอยคอนแวนต์ค่ะ ในกรุงเทพมีขายไม่กี่ที่เองมั่งนะ เลือกที่สะดวกที่สุด ดูรายละเอียดได้ค่ะ

http://school.ojsat.or.th/jlpt.php




ตอนนี้ก็ถึงกับทำตารางการอ่านหนังสือออกมาเลยทีเดียว เพราะคิดว่าถ้าไม่ทำก็จะไม่มีวินัยกับตัวเอง ก็ทำดีกว่า 

ตอนนี้ก็ได้รู้ซึ้งแล้วว่าาาาา ภาษาญี่ปุ่นยากมากกกกก นี่ขนาดเพิ่งเริ่มต้นก็ง่อยแดกแล้ว ไม่ต้องถามหา N4 เลยค่ะ  เอานี่ให้รอดก่อนเลย

แค่กรอกใบสมัครก็ยากแล้วค่ะ ประมาณว่าเลข 9 ห้ามมีหาง เลข 1 ห้ามมีหัวไรงี้ รายละเอียดเยอะจริงก่อนกรอกอะไรลงไป ควรอ่านคู่มือดี ๆ 

คิดว่าถ้าผ่านรอบนี้ ระดับต่อ ๆ ไปเราคงต้องไปลงเรียนแบบเป็นทางการแล้ว (รอบนี้ก็ขอให้ผ่านแล้วกันค่ะ ฮ่าๆๆๆ) 










สำหรับผู้ชายรอบนี้นางสอบ N1 แล้วค่ะ นางผ่าน N2 ไปเมื่อปีที่แล้ว แต่นางทำงานหนักมากไม่มีเวลาอ่านหนังสือ 

นางบอกไม่เป็นไร ทุกวันได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นก็เหมือนกับการอ่านหนังสือไปในตัวอยู่แล้ว ถ้าสอบผ่านได้นั่นหมายถึงมีโอกาสที่ดีมากขึ้นด้วย

ตอนนี้ก็เป็นกำลังใจให้กันในความพยายามเนอะ ได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องนึงค่อยว่ากันอีกที




จากนี้ก็พยายามกันต่อไปนะคะ