12/31/14

Japan Autumn Trip 2014 : Ghibli museum ครั้งที่สอง




กะว่าหน้านี้จะเป็นหน้าสุดท้ายที่เขียนทริปญี่ปุ่นหล่ะ ไม่ใช่อะไรนะคะ 

คือเริ่มขี้เกียจแล้ว เพราะว่ากว่าเราจะขุนตัวเองให้อัพแต่ละหน้าได้นี่เป็นหลายสิบวันนะ 

แล้วอีกอย่างส่วนมากก็ไปมาเกือบหมดแล้ว

อัพก็จะซ้ำ ๆ กับหน้าก่อน ๆ อย่างสตูดิโอจิบลีนี่ก็ไปมาแล้วเหมือนกันค่ะ

แต่ครั้งที่แล้วไปกับเพื่อนไง ครั้งนี้ไปกับปู้จายยยยยย ฮ่าๆๆๆๆ 








ก่อนไปญี่ปุ่นผช.ก็จะไลน์มาถามว่าอยากไปไหนเป็นพิเศษไหมเค้าจะได้พาไป 

เราก็เลยบอกว่าเราอยากไปจิบลีมิวเซียมนะ แต่เคยไปมาแล้ว นางก็ถามว่าแล้วจะไปอีกทำไม

ซึ่งตัวนางไม่เคยไปค่ะ นางไม่เคยรู้จักว่าจิบลิคืออะไร เราเลยบอกไปว่าเรารักการ์ตูนค่ายนี้มาก กกกก

เราก็เลยอยากให้คนที่เรารักเรียนรู้ในสิ่งที่เรารักเช่นกัน (สวยป่ะล่าาาาาา)

วันต่อมานางไปซื้อตั๋วที่ Lawson เลยจ้าาา

สรุปว่าก็ไปกันสองคนฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งนะคะ ฮ่าๆๆๆ













หลาย ๆ รีวิวคงเขียนเกี่ยวกับสตูดิโอจิบลีไว้แล้วเนอะ ซึ่งเราเองก็เคยเขียนไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

http://littlecrab.diaryclub.com/20110902/Japan-winter-10-Studio-Ghibli-%B4%D4%B9%E1%B4%B9%A4%C7%D2%C1%BD%D1%B9%CA%D3%CB%C3%D1%BA%BC%D9%E9%E3%CB%AD%E8%CB%D1%C7%E3%A8%E0%B4%E7%A1

วันนี้เรามาเม้าท์ผช.ดีกว่าเนอะ 

คืองี้ ด้วยความที่นางไม่เคยดูการ์ตูนของจิบลิ และไม่เคยรู้จักอะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย

ก่อนไปนางก็คอยไซโคเราว่าเสียเวลานะ ไปดูการ์ตูน ทำตัวเป็นเด็ก ไร้สาระ บลา ๆ ๆ ๆ 

(แต่นางก็พาไปนะ แต่ขอให้ได้บ่นไง) จนเข้าไปที่มิวเซียมนางตื่นเต้นกว่ากูอีกคร๊าาาา !!

พอเห็นอะไรเก๋ ๆ ก็จะแบบ อันนี้เจ๋งอ่ะ เฮ้ยย! อยากได้ไปไว้ที่บ้านอะไรแบบนี้ โดดดึ๋ง ๆ เป็นเด็กเลย

แหมมมม พ่อคู๊ณณณณ เห็นพ่อมีฟามสุขฉันก็ดีใจจ๊ะ .......













ขอเม้าท์นางอีกเรื่องจ๊ะ 

คือเราก็พานางไปที่ช้อปของมิวเซียมไปซื้อของที่ระลึก  ซึ่งคนก็เข้าไปซื้อกันมหาศาลล้านแปด

ซึ่งคนที่เข้ามาซื้อของก็จะเป็นแฟนคลับเนอะ คนที่มาที่มิวเซียมนี่ก็จะรู้จักจิบลีอยู่แล้ว

คิดว่าคงมีแค่นังผช.คนเดียวที่ไม่รู้เหนือ ใต้ ออก ตก อะไรกับคนอื่นเค้า  

และก่อนที่จะมาเราก็บอกนางว่าโตโตโร่เป็นโลโก้ของที่นี่นะ 

และในระหว่างที่เราเลือกของที่ระลึกอยู่นั้น นังผช.ก็ตะโกนเสียงดังมาว่า "ไหน !! ตัวไหนโตโตโร่"

แล้วทุกคนหันขวับไปที่นางด้วยสายตาประมาณว่า นี่มึงไม่รู้จักโตโตโร่จริงๆ เหรอออ???

มึงไปอยู่โลกไหนมา ??? แล้วมึงมาอยู่ที่นี่ได้ไง ??? 

คือนางคงไม่รู้ตัวค่ะว่าโดนมองอยู่ แต่เรานี่แทบแทรกแผ่นดินเลย ฮ่าๆๆ 














หลังจากที่โชว์บัตรทางเข้าแล้ว เราจะได้ตั๋วสำหรับชมการ์ตูนสั้น 15 นาทีคนละใบ

ซึ่งการ์ตูนก็จะเปิดวนทั้งวัน ซึ่งเรื่องที่เราได้ดูเป็นขนมปังแมน (ไม่ใช่อังปังแมนนะ) 

ตอนแรกนางถามเราว่าจะดูจริง ๆ เหรอ เสียเวลานะ รีบดูอย่างอื่นเถอะจะได้รีบกลับ (นัดเพื่อนไว้)

เราก็แบบ แหมมม มึงนี่มันมารความสุขจริง ๆ เลย ตรูจะดู ! และเอ็งต้องดูด้วย ฮ่าๆๆๆ

ปรากฏว่าเข้าไปหนังฉายไปประมาณ 5 นาที โว๊ะ!! อีนี่ขำคิก ๆๆ เป็นระยะ ๆ หันหน้าไปมอง

โอ้ยยย มีอมยิ้ม ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ แหมมม ว่าตรูจังว่าไร้สาระ ฮ่าาาา

เป็นไงหล่ะ เจอมนต์จิบลีเข้าแล้ว รักเลยใช่ป่ะล่าาาาา

นี่นางไลน์มาบอกว่าเธอๆ ๆ เธอหาซื้อการ์ตูนของจิบลีง่ายป่าว ซื้อมาให้เค้าดูบ้างดิ 

ในยูทูปเค้าหาไม่เจอ ฮ่าๆๆๆ (กำมือทุบอกด้วยความสะใจ) 





















ดูทุกอย่างด้านในเสร็จแล้ว ก็เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกจะมีหุ่นยนต์ตัวใหญ่ (เรื่องลาพิวต้า) 

ยืนอยู่ แล้วคนก็ต่อคิวค่อนข้างยาวค่ะ เพื่อที่จะถ่ายรูปคู่กับหุ่นยนต์ ในระหว่างที่เข้าแถวอยู่นั้นนนน

นางก็สะกิด เธอๆๆ เดี๋ยวเราให้คนข้างหลังเราถ่ายรูปให้ดีไหม เราถ่ายคู่กับหุ่นยนต์ด้วยเนอะ

เราก็กวนตีน ถามไป อ้าว !! เธอจะถ่ายด้วยเหรอ นึกว่าให้ฉันถ่ายคนเดียวแล้วเธอเป็นตากล้อง

ผช.ทำตาเขียวใส่ ถ่ายสิ ไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว 

ถถถถถ !!!! พ่อคู๊ณณณณ ปากแข็งจริงมึงนี่ และแล้วนางก็ได้รูปถ่ายกับหุ่นยนต์สมใจ









ออกจากสตูดิโอจิบลีประมาณบ่าย 3 ไปหาอายาริที่สถานีอูเอโนะ เพื่อจะไปบ้านอัตจัง

วันนี้นัดเพื่อน ๆ ไว้ค่ะ จะพาผช.ไปให้เพื่อน ๆ สกรีน ๆ ปรากฏโลกกลมมากกกกก 

คือครูภาษาญี่ปุ่นคนแรกในชีวิตของผช.เป็นเพื่อนกับอิคุระซัง (สามีอัตจัง) หลังจากนั้น

การคุยก็โฟลว์มากค่ะ ไม่ต้องแนะนำอะไรกันมากเลย เป็นการเจอกันครั้งแรก

ที่คุยกันราบรื่นมาก สนุกสนาน เฮฮาปาจิงโกะ อิ่มหมีพีมัน 






ออกจากบ้านอัตจังประมาณ 5 ทุ่ม จับรถไฟไปโยโกฮาม่าถึงประมาณเกือบ ๆ เที่ยงคืน เรานี่เมาเละ

เราถามผช.ว่าทำไมไม่เห็นกินเบียร์เลย นางบอกถ้าฉันเมาแล้วใครจะแบกเธอกลับห๊ะ !! 

เอออออ จริงของมันว่ะ ดีมากไอ้น้อง ฮ่าๆๆๆ จงทำดีต่อไปเดี๋ยวพี่กินแทน



พรุ่งนี้นัดเจออายาริอีกรอบก่อนกลับไทย








12/23/14

Japan Autumn Trip 2014 : เปรี้ยวครึ่งวันที่ ODAIBA



เมื่อคืนเราพักที่โรงแรม Sotetsu fresa inn Tokyo สาขา Toyocho ซึ่งแม่งโคตรนอกเมือง ฮ่าๆๆ
ร้านเหล้า เอ้ยย!! ร้านข้าวหายากมากกก (หายากจนต้องไปกินเหล้าแทนเลยนะดูสิ) 
เราจะบอกว่าช่วงที่เราไป (21-26 พ.ย.) โรงแรมเต็มเกือบหมดเลยค่ะ แล้วนี่ได้เป็น Business hotel
ห้องเล็กมากกกกก คืนละหมื่นเยน และไม่มีอาหารเช้า ตายแพร่บบบบ  เอ้าาไม่เป็นไร
เอาความสะดวกเข้าว่าจะได้ไม่ต้องเดินทางไปกลับ โยโก-โตเกียวกันทุกวันมันเหนื่อยจะตื่นนะ

เราตื่น 9 โมงเช้าเพราะต้องเช็คเอ้าท์ 10 โมง (อันนี้เป็นสแตนดาร์ดของโรงแรมญี่ปุ่นหรือเปล่าค่ะ
ที่ต้องเช็คเอ้าท์10โมง เช้าเกินไปนะ) แล้วก็เดินไปสถานี Toyocho ซึ่งใกล้โรงแรมมาก 
แล้วก็ต่อเปลี่ยนสถานีอีกประมาณสองครั้งก็จะมาถึงสถานี Shinbashi มาต่อสาย Yurikamome
(ซึ่งสัญลักษณ์ของรถไฟสายนี้จะเป็นรูปนกค่ะ มองเผิน ๆ จะเป็นไอศครีมเอเต้ ฮ่าๆๆ) 
และรถไฟสายนี้เป็นรถไฟที่ไม่มีคนขับค่ะ ซึ่งถ้าอยากเห็นวิวแนะนำให้ไปที่ตู้ด้านหน้าสุด 
แต่ต้องตบตีกับกับบรรดาเด็กๆ ที่อยากเป็นคนขับรถไฟให้ได้ด้วยนะ













รถไฟขับขึ้นสะพานสายรุ้ง (Rainbow bridge) ซึ่งยาวและมองกลับไปข้างหลังที่รถไฟผ่านมาแล้ว
มันสวยมากค่ะ คิดว่าตอนกลางคืนน่าจะสวยและโรแมนติกกว่านี้ เพราะบนสะพานจะเปิดไฟด้วย

เรามาถึงสถานีโอไดบะกันสัก 10 โมงครึ่ง กินอาหารเช้าง่าย ๆ แซนด์วิชกับกาแฟและเดินต่อ
โอไดบะเป็นเกาะเล็ก ๆ มีห้างสรรพสินค้า ติดทะเล (เรียกทะเลหรือเปล่านะ) และดูผู้คนน้อยนิด
สงบสุข (ถ้าไม่ติดว่ามีคนมาเที่ยวเยอะ) และค่อนข้างทันสมัยหรูหราไฮโซ 
และจะบอกว่าวันนี้ฟ้าใสมาก แอบร้อนด้วยหน่อย ๆ เราใส่เสื้อเชิ๊ตตัวเดียวเอาอยู่ล่ะ 
ตอนแรกที่ออกจากโรงแรมนี่ห่มมาเป็นหมีเลยนะ พอถึงโอไดบะถอดออกแทบไม่ทัน

และเป้าหมายของเราในวันนี้มีอย่างเดียวค่ะคือ กันดั้ม ฮ่าาา เมืองเค้าตั้งใหญ่ที่เที่ยวเค้าตั้งเยอะ
แต่มึงจะมาดูอย่างเดียวมึงจะถ่อมาทำไมมมม!!! มึงเปิดยูทูปดูอยู่บ้านไหมมมม !!! 














ซึ่งบอกกันตรง ๆ ตรงนี้เลยว่านอกจากกันดั้มแล้วเราไม่รู้เลยว่าโอไดบะมีอะไรบ้าง
ดูกันดั้มเสร็จแล้วเดินไปรอบ ๆ พบว่ามีหาดทรายที่มองเห็นสะพานสายรุ้ง บรรยากาศดีเว่อร์
วันนี้มีแข่งวอลเลย์บอลชายหาดด้วย คือแต่งตัวกันได้วอลเล่ย์บอลชายหาดมาก
เห็นแล้วหนาวแทน ฮ่าๆๆๆ 

หลังจากที่พบว่ามีหาดทรายที่สุดแสนจะโรแมนติกแล้ว เดินมาอีกหน่อย ก็พบกับ
เทพีเสรีภาพ ?!?! ซึ่งเราก็รู้ว่ามีเทพีเสรีภาพอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยแต่ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่
เห็นไหมล่ะบอกแล้วว่าใจมันอยู่แต่กับกันดั้มจริง ๆ 














หลังจาก(คิดว่า)ดูทุกสิ่งทุกอย่างในโอไดบะจนครบแล้ว ก็ได้เวลากลับโยโกฮาม่ากันล่ะ 
วันนี้นัดเพื่อน ๆ (ของผู้มีอุปการะคุณ) จะไปกินเนื้อย่างกัน เราจับรถไฟกลับมาที่โยโกฮาม่า
ประมาณ 30 นาทีก็ถึงสถานีโยโกฮาม่าแล้ว ผมอปกรค (ย่อมาจากผู้มีอุปการะคุณ ย่อทำไมฟร่ะ!)
ถามว่าอยากกินอะไร อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลากินเนื้อย่าง ในขณะที่กำลังอ้าปากจะตอบ
นางก็บอกว่าไปกินราเมงกันเถอะ ห่ะ ?!?! นี่เมิงจิมิให้กรุมีโอกาสได้พรูดดดดเลยชิมิ 
เอาว่ะ ราเมงก็ราเมง !! นางพาเดินไปราเมงร้านโปรดของนาง ซึ่งรอคิวประมาณ 20 นาที
ก็ได้กิน (20นาทีเอ๊งงง!!) 
พอเข้าไปนั่งกินเท่านั้นแหละ สมกับที่รอมา 20 นาทีนะ สิ่งที่ชอบในร้านราเมงญี่ปุ่นอย่างนึงคือ
จะโกยผักดองใส่เท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งเรากินถั่วงอกน้ำมันงาเยอะมากกินไปปริมาณเท่าราเมงชามนึง
ร้านญี่ปุ่นอะไรที่เติมได้ไม่อั้นเนี่ยมาเปิดที่ไทยอาจมีเจ๊งนะคะนะ












กินเสร็จกลับมาบ้านนั่งพักสักแป่บก่อนออกไปเผชิญโลกโยโกฮาม่าต่อ 

มาต่อกันบล็อกหน้านะจ๊ะ 










12/13/14

Japan Autumn Trip 2014 : Showa kinen kouen




เมื่อปลายเดือนที่แล้วหนีไปเที่ยวญี่ปุ่นมาค่ะ เรียกว่าหนีไปเที่ยวจริง ๆ เพราะไม่ได้บอกใครเลย
อยากไปก็เก็บกระเป๋า เวลาเตรียมตัวเวลาเที่ยวน้อยมากแต่มันมีสาเหตุที่ต้องไป ฮ่าๆๆ
เราเองเพิ่งไปเที่ยวมาต้นปี ปลายปีไปอีกแล้วววว นี่เอ็งจะล่ำซำอะไรกันขนาดนั้นนนน
ตรงนี้ต้องขอขอบพระคุณผู้มีอุปการะคุณ ที่ดูแลร่างกายหัวใจและกระเป๋าตังกันเป็นอย่างดีนะคะ >///<


ออกเดินทางด้วยแอร์เอเชียเหมือนเช่นเคย ครั้งที่แล้วราคาอยู่ที่ 13xxx รอบนี้อยู่ที่ 17xxx
เข้าใจได้ค่ะเป็นเพราะมันเป็นไฮซีซั่น อยากเห็นอะไรสวย ๆ งาม ๆ เราก็ต้องยอมจ่ายเนอะ
ออกจากดอนเมือง 9 โมง ถึงฮาเนดะตอนสี่ทุ่มครึ่งกว่าจะผ่านตม. (ที่คนเยอะอลังการล้านแปด)
ออกมาได้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว เจอตัวคนมารอรับแล้วรีบวิ่งเลย เดี๋ยวตกรถไฟขบวนสุดท้าย ฮ่าาา
ขบวนสุดท้ายนี่คือรถไฟจริง ๆ นะ

รอบนี้มาโยโกฮาม่าค่ะจากสนามบินใช้เวลาประมาณ 45 นาที และจะไปโตเกียวบ้างประปราย
(ซึ่งจริง ๆ ก็ไปเกือบทุกวัน) อากาศตอนนี้ประมาณ 10 องศา กำลังสบาย เราใส่เสื้อตัวเดียวสบาย ๆ ค่ะ
ขนเสื้อหนา ๆ มาเต็มกระเป๋าเลยยย (เปลืองพื้นที่สำหรับแอลกอฮอร์มากๆ) ไม่ได้ใช้สักตัว T_T
ได้ใช้เสื้อกันหนาวแบบฟูลออฟชั่นจริง ๆ วันสุดท้ายเพราะฝนตก


























ก่อนมาก็เขียนแผนไว้เต็มเลยค่ะ จะทำนู่น จะไปนี่ จะกินนั่น แล้วไงหล่ะ นอนไม่ตื่น พลาดไปหลายอย่าง
อ่ะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยกลับมาเก็บคราวหน้า ซึ่งคราวหน้านี่ยังไม่รู้เมื่อไหร่นะคะนะ รอไปก่อน
เราไปถึงคืนวันศุกร์ ประมาณเที่ยงคืนเช้าวันเสาร์ออกจากบ้าน 9 โมงเพื่อไปโตเกียวค่ะ
เป้าหมายวันนี้คือใบไม้แดงที่ Showa kinen kouen ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจว่าจะมาที่นี่ จะไปอีกสวนนึง 
แต่คนนำทางบอกว่ามันยังไม่ค่อยแดงมาก เราไปที่โชวะคิเนนกันเถอะ มีคนแนะนำมา 
ก็เลยตัดสินใจมาที่นี่ค่ะ 

และที่นี่ค่อนข้างไกล ไกลทั้งจากโตเกียว และโยโกฮาม่า เรานั่งรถไฟประมาณชั่วโมงนึง
แต่ได้โปรดอย่าถามเนอะว่านั่งสายไหน จากไหนไปไหนอะไรยังไง นี่มารอบที่ 4 แล้ว 
ด้วยความที่มีคนพาไปไหนมาไหนตลอดเลยไม่เคยคิดที่จะจำทางด้วยตัวเอง อย่าเลียนแบบนะคะ 
หลงทางมานี่ทำอะไรไม่ได้เลยนะ ทำได้แค่ร้องไห้อย่างเดียว













เราออกจากบ้าน (โยโกฮาม่า) กันประมาณ 9 โมง มาถึงสวนนี้ก็ประมาณ 10 โมงกว่า ๆ ค่ะ 
อันนี้รวมเดินและแวะซุปเปอร์ซื้อของกินแล้ว (ซื้อโอนิกิริไปกินในสวนกันค่ะ) จริง ๆ แค่เดินก็ประมาณ
20 นาทีแล้วล่ะ แหมมม ที่ไหนจะเหมือนบ้านเราเนอะ ลงรถไฟปั๊บมีพี่วินบริการถึงประตูหน้าบ้าน 
อ่ะ ! อย่าบ่น ๆ บริหารกล้ามเนื้อน่องกันไป 

ถึงหน้าสวนแล้วตอนแรกคิดว่ามวลมหาประชาชมใบไม้แดงต้องแออัดมากแน่ ๆ เพราะวันนี้วันเสาร์ด้วย
แล้วที่นี่ใบไม้ก็เปลี่ยนสีแบบพีคสุดในช่วงนี้ ปรากฏว่าผิดคาดแฮะ คนก็เยอะนะ แต่ไม่แออัดเท่าที่คิด
เดินกันชิว ๆ สบาย ๆ แล้วแดดดีฟ้าสวยต้อนรับกันเลยนะฮ่ะ ตัดกับใบแปะก๊วยสีเหลืองอย่างที่สุด
มันตัดกันแบบหาที่เปรียบไม่ได้ สวยมากกกก (คือขอตื่นเต้นหน่อยเหอะนะ เกิดมาเพิ่งเคยเห็น
ใบไม้แดงครั้งแรกในชีวิตนี่แหละ) 










เราอยากจะบอกว่าสวนนี้ มัน กว้าง มากกกกก ที่ถ่ายรูปมานี่เฉพาะด้านนอกนะ แค่ 30% ของสวนเท่านั้น
เดินเข้าไปข้างในจะเจอกับทะเลสาป ซึ่งค่อนข้างใหญ่และพื้นที่ในสวนด้านใหนก็ใหญ่มาก
หากว่าจะเดินกันจริง ๆ คงต้องใช้เวลาประมาณครึ่งวันเลยนะ คนเวลาน้อยอย่างเราเลยตัดสินใจ
ดูแค่ด้านนอกของสวนที่มีใบแป๊ะก๊วย (และเมเปิ้ลประปราย) แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

ออกจากสวนประมาณบ่ายโมงค่ะ ตรงไปที่โตเกียวเอกิกันต่อ เพราะมีน้องฝากซื้อริลัคคุมะ 
เราเองก็ไม่ใช่ติ่งริลัคคุมะ รู้แค่ว่าที่โตเกียวเอกิจะมีริลัคคุมะสโตร์อยู่ 1 ร้าน
ซึ่งไอ้เจ้าริลัคคุมะสโตร์นี่จะมีแค่เมืองละร้านเท่านั้นนะคะ เท่าที่อ่านรีวิวดู (ผิดพลาดประการใด
ต้องขออภัยไว้ด้วย) แล้วโตเกียวเอกิ มัน ใหญ่ มากกกกกก เราไม่สามารถเสิร์ชจาก กกม.
(a.k.a.กูเกิ้ลแมพ) ได้ รู้แค่ว่าอยู่ในโตเกียวเอกิ ที่เหลือคือ มึงต้องเดินหาเอาแค่นั้นแหละ
ซึ่ง เราก็ออกทางออกที่เราคิดว่ามันใช่ แต่จริง ๆ แล้วมันผิดค่ะ !!! และนั่นก็ทำให้เราต้องเดินวน
รอบสถานี คือแค่เดินวนรอบสถานีก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว และ และ ในที่สุดดดดด
เราก็หามันเจอค่ะ เป็นร้านประมาณ 40 ตรม. คนแน่นกันเลยทีเดียว ซื้อที่วางโทรศัพท์ทั้งหมด 1 อัน
คนนำทางส่ายหัวฟึ่บ ๆ พร้อมบ่นว่าเสียเวลาเดินมาเป็นชั่วโมงเพื่ออะไรแค่นี้นะเหรอออ เฮ้อออ... 
โอ้ยยย !! บักคนไม่มีความสุนทรีย์ในสมองงง ฮ่วยย


ป.ล.ราคาริลัคคุมะที่นี่ถูกกว่าที่ไทยประมาณ 3 เท่าจ๊ะ 












เสร็จโปรแกรมทุกอย่างของวันนี้ ก็กลับเข้าที่พัก ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปดูไฟที่โตเกียวทาวเวอร์
(เราชอบความคลาสสิคของโตเกียวทาวเวอร์มากกว่าสกายทรีค่ะ) กะว่านอนงีบสักแพร่บบบ 
ตื่นมาจะไปกัน ปรากฏว่าาาตื่นมาทุ่มกว่าแล้วค๊าาาา เป็นอันว่าโตเกียวทาวเวอร์ของฉันเป็นอัน
ต้องพับเก็บไป แต่ไม่เป็นไรเคยมาแล้วรอบนึง (คราวหน้าแก้ตัวใหม่) เปลี่ยนแผนเป็นกินเหล้าแทน
จบวันด้วยความเมา ฮ่าๆๆๆๆ 


เดี๋ยวมาต่อกันบล็อกหน้านะจ๊ะ 








11/10/14

สาวไดมีทกันอีกแล้วววว ~




สวัสดีค่ะ แหมมมม ช่วงนี้อัพไดรัวๆๆ จุดพลุฉลองกันหน่อยเซ่ะ นาน ๆ จะมีแบบนี้ซักที ฮ่าๆๆๆ
แต่หน้านี้นี่ต้องอัพนะ ไม่อัพไม่ได้ วางงานทุกงานมาอัพเลย (ปรากฏว่าอีบอสมาอ่านเจอจ้าาาา)

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาสาว ๆ ไดเค้านัดเจอกันอีกแย้วววว ตื่นเต้นมากรอบนี้นัดหลายคนมาก มีป้าเจี๊ยบ
พี่เก๋ พี่จาจา พี่นาน่า มิสเตอร์กูเกิ้ลนัท และพี่โม ปรากฏว่าใกล้ ๆ วันนัด สมาชิกเริ่มเกิดการแอคซิเดนท์
พี่จาป่วย พี่นาน่าติดงานเรื่องบ้าน มิสเตอร์นัทติดเรียน และดิฉันเองไปเจอพี่ ๆ ได้แค่ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้นเอง
(เพราะมิสเตอร์นัทติดเรียนนั่นแหละ ดิฉันจึงต้องไปรับลูกค้าที่สนามบินแทน ชิส์!!!)
สรุปที่ได้เจอกันวันนี้ก็มีป้าเจี๊ยบ พี่เก๋ พี่โม น้องอิงค์ น้องอัยย์ และพี่ปู งิงิงิ







นัดกันที่ร้านเรือนแม่หลุยส์ฟอร์จูน เป็นร้านที่ขายอาหารใต้ร้านประจำที่พี่เก๋แนะนำ (นางเป็นกูรูด้านอาหารนะ ต้องเชื่อจริง ๆ )
ทุกคนไปถึงแล้วเราไปถึงประมาณบ่ายสามอาหารมารอตรงหน้าแล้ว น่ากินทั้งนั้นเลย (มองรูปแล้วอยากกินอีก
คือปูเป็นปู กุ้งเป็นกุ้ง ปลาเป็นปลาเลยล่ะ แล้วรสชาติก็เข้มข้นมากกกกก ไว้ไปกินกันอีกน้าาาาาาา.....








วันนี้พี่โมพาเจ้าอิงค์ กับ เจ้าอัยย์มาด้วย เราเจอพี่โมครั้งนี้ครั้งแรก คือหน้าบ้านนี้เหมือนถ่ายเอกสารกันออกมา ฮ่าๆๆๆ
เจ้าอิงค์ออกแนวสาววัยรุ่นแบบเกาหลีไรแบบนี้ (ก็น้องเค้าวัยรุ่นนะแกกกกก) ถอดแบบความฮามาจากพี่โมเด่ะๆ เลย (บ้านนี้เน้นฮานะจ๊ะ)
ส่วนเจ้าอัยย์นะเหรออออ ไปนั่งหลบที่มุมโต๊ะจ้าาาาา เหมือนนางจะอาย แต่พี่ปูสัมผัสได้ถึงรัศมีความแสบของหนูค่ะ ฮ่าาาา
อย่ามาหลบซะให้ยากกกกก !!!!





และแล้วก็ได้เวลาแจกของฝาก แต่ละคนหอบหิ้วกลับกันถุงใหญ่ ๆ แต่ในที่นี้ขอนำเสนอของฝากจากสวีเดนของป้าเจี๊ยบ
ป้าให้ถูกคนมากค่ะ และเราก็คิดว่ามันเป็นช็อกโกแลตธรรมดาฮ่าาาา ถือกลับบ้านฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งไม่คิดอะไร
ถึงคราวแกะกิน ก็โยนใส่ปากไปทั้งอัน กัดเปาะ !  โอ้ยยยย เหล้าไหลเยิ้มเต็มปากกกกก ฮ่าาๆๆๆ ดีนะที่ไม่กัดเป็นคำ
ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเหล้าทุกอันเลยหรือเปล่า ดิฉันก็กินมันทุกสีนั่นและค่ะ และปรากฏว่ามันเป็นเหล้าทุกสี
กินเสร็จนี่นั่งเลย เมา !!!
ป้าช่างรู้จายยยยยยยย







บ่าย 4 โมงเราขอตัวกลับก่อน  (ยังไม่อยากกลับเยยย) เพราะต้องไปรับลูกค้าที่ดอนเมือง ก่อนกลับก็ถ่ายรูปกันตามธรรมเนียมชาวไดคลับ
ในระหว่างถ่ายรูปพี่โมก็บอกว่าน้องอัยย์หน้าเหมือนพี่ปูเลย เรากลับมาดูรูปที่บ้าน เฮ้ยยย เหมือนจริง ๆ
แต่พี่โมค่ะ หนูว่าหนูหน้าเหมือนพี่มากกว่า เลยพลอยหน้าไปเหมือนเจ้าอัยย์ด้วย จริงๆ นะ










เมฆบนทางด่วนระหว่างทางกลับจากดอนเมือง





วันนี้สนุกและเฮฮามากค่ะ ไว้เรามาเจอกันอีกนะคะพี่ ๆ






11/7/14

ทำงานวันแรกที่อีซี่ทัวร์ วันแรกก็เจอดี





เปลี่ยนงานอีกแล้วจ้าาาาา !!! เย้ๆๆ ปีชงนี่มันแรงจริงๆ เบยยยยย ผ่านช่วงนี้ไปได้คิดว่าน่าจะดีกว่านี้ละนะ

เรื่องมันมีอยู่ว่ามิสเตอร์กูเกิ้ลนัทแห่งไดอารี่มิสเตอร์กูเกิ้ลนัท (จะพิมพ์คำว่ามิสเตอร์กูเกิ้ลนัทหลายรอบทำไมล่ะนี่) ซีอีโอประจำอีซี่ทัวร์ออฟไทยแลนด์ประกาศรับสมัครหาพนักงานทางเฟสบุค ซึ่งเราเองกำลังมองหางานใหม่ที่วันและเวลาทำงานได้อย่างที่เราต้องการ และตำแหน่งที่คุณนัทเค้าหาก็ตรงกับความต้องการของเราพอดี

เลยทำการหลังไมค์ไปหาคุณนัทเค้าว่าสนใจ (ทั้งๆ ที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านทัวร์เล้ยยยย) คุณนัทเค้าก็ใจดีนะเรียกเข้ามาสัมภาษณ์ สัมภาษณ์เสร็จนางก็รับเลยจ้าาาาา  นางบอกสรรพคุณตัวเองเรียบร้อยว่าเป็นคนจู้จี้ ขี้บ่น ย้ำคิดย้ำทำ บลา บลา....พี่อาจจะโชคร้ายหน่อยนะ  อืมมมม ก็คอยดูละกันว่าเอ็งหรือข้าใครมันจะโชคร้าย ฮ่าๆๆๆๆ !!!!!!!








เริ่มงานวันแรกวันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน มาถึงที่ทำงานตอนเช้าบอสเดินมาบอกว่า วันแรกก็เอาเลยนะ ป้ายหน้าบ้านหล่นจ้าาาาาานางเพิ่งเอากาวไปติด ฮ่าาาา เห็นป่ะล่ะบอกแล้วว่าของเค้าแรงจริง ๆ แต่ !!!! เดี๋ยวความแรงของข้าพเจ้ายังไม่จบแค่นี้ ยังๆๆ มันยังมีอีก

สำหรับงานเราตอนนี้วันนี้ก็ช่วยทำเอกสารเล็กๆ น้อยๆ เล่นเฟส อัพได (ห๊าาา !! นั่นงานแกเร๊อะ ?!? ดูสิมีเวลาอัพไดขนาดนี้ยังไม่มีปัญญาอัพพพพพ !!!! ) ไปก่อนเพราะคุณนัทยังไม่มีเวลาสอนงานเราจริงจัง  แต่สำหรับวันนี้มีงานภาคสนามให้ลองครั้งแรกจ้าาา เดี๋ยวไปรับลูกค้าที่สุวรรณภูมิกัน นี่แหละ ความชิบหายมันเกิดตรงนี้แหละ!!!!



คืนนี้ลูกค้าจะเข้า 2 คนที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน 5ทุ่มนิด ๆ เรากลับบ้านไปก่อนเพื่อที่จะออกไปสุวรรณภูมิตอน 3 ทุ่มและไปเจอกับนัทที่โน่น ปรากฏว่าขึ้นแอร์พอร์ตลิ้งค์รอบเดียวกันโชคดีไปปปป เราเข้าไปด้านในไม่ได้เพราะยังไม่มีบัตร เลยนั่งรอนัทอยู่ที่ด้านนอก เที่ยงคืนผ่านไปปปปปปป ยังนั่งรออยู่ที่เดิม

ตีหนึ่งกำลังย่างเข้ามาาาาาา เฮ้ยยย !! นัทแม่งลืมว่าเอากูมาด้วยป่ะว่ะ !?!?! ความเป็นได้สูงมากกกก เพราะปกตินางจะมาคนเดียว พอมีคนมาด้วยมันเลยไม่ชินไง ฮ่าๆๆๆ กดโทรออกหาอีนัททันที นางตอบมาว่านัทยังรออยู่เลยพี่ปู ยังไม่เห็นมีใครออกมาเลย ไฟล์ทนี้เค้าออกมากันหมดแล้วเหลือแค่ป้าสองคนที่ยังไม่ออกมา กระเป๋าหายป่าวว่ะ หรือตกเครื่องว่ะ บลา บลา บลา สันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นา ๆ

ปรากฏเกือบ ๆ ตีสองนัทเดินออกมาตัวเปล่า ไร้เงาลูกค้าสองคน สอบถามได้ความว่าไปที่ป้ามาจากเมกาดีเลย์ เลยทำให้ป้ามาต่อเครื่องที่ญี่ปุ่นไม่ทัน ทำให้คืนนี้ต้องนอนที่ญี่ปุ่น 1 คืน และมาไทยได้ในวันพรุ่งนี้ นั่นหมายความว่าเราต้องมาสุวรรณภูมิกันอีกรอบในคืนวันพรุ่งนี้



**เป็นป่ะล่ะ ของเค้าแรงจริงงงง ป้ายหน้าออฟฟิศยังร่วงอ่ะ ส่วนอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก็คอยดูกันต่อไปปปปปป










10/27/14

งานสัปดาห์หนังสือวันสุดท้าย





ผ่านไปวีคนึงล่ะเพิ่งจะได้อัพ ถถถถถถ !!!!


26 ตุลาคม งานหนังสือวันสุดท้ายแย้ววววว นึกไว้ว่าวันสุดท้ายคนต้องมหาศาล อลังการล้านแปดแน่ๆ เพราะมีนักเขียนดังๆ หลายคนมาแจกลายเซ็นต์

แต่ผิดคาดแฮะ คนน้อยกว่าวันที่ 23 อีก (วันปิยะ) ขายไปเรื่อยๆ ชิวๆ แต่ก็ถือว่าขายได้เยอะอยู่ค่ะ โดยเฉพาะหมอติดเกาะ (เค้าเปล่าขายของน้าาา...แต่ต้องไปหาซื้อมาอ่าน ฮ่าาา) 











วันนี้มีพี่น้องๆ จากทีม Hong14 cafe มาวาดรูปการ์ตูนฟรีที่บูทต้นมะนาวด้วย ได้รับความสนใจจากคนที่มาเดินงานหนังสือมาก น้องๆ วาดรูปกันจนมือหงิกเลยทีเดียว

Hong14 กลับประมาณ 6 โมงเย็นซึ่งคนก็เริ่มซาๆ แล้วหล่ะ (บอกแล้วว่าวันนี้คนน้อยจริงๆ) และวันนี้ก็มีเรื่องน่าดีใจเกิดขึ้นค่ะ











ในขณะที่เรากำลังวุ่นวายกับการก้มๆ เงยๆ ขายหนังสืออยู่นั้น ก็มีสาวไดอารี่คลับแวะมาเยี่ยมเยียนเราถึงที่บูทต้นมะนาวเลย นั่นไม่ใช่ใครที่ไหนคือป้าเจี๊ยบนั่นเองค๊าาาา !!!

ป้าเจี๊ยบเพิ่งมาถึงไทยเมื่อคืนนี้ อ่านเจอไดเราว่ามาช่วยพี่นาน่าขายหนังสือที่บูทต้นมะนาว และอยากเจอพี่นาน่าด้วยก็เลยแวะมาหา

เราเคยเจอป้าเจี๊ยบหลายครั้งล่ะ แต่กับพี่นาน่ายังไม่เคยเจอกัน ป้าเจี๊ยบอุดหนุนหนังสือกับยาหม่องไปหลายเลย ขอบคุณป้ามากๆ ค่ะ :) 

สักพักลุงแมทธ์เดินมารับป้าเจี๊ยบแชะภาพกันพอหอมปากหอมคอ นัดแนะจะมีทติ้งกันอีกรอบในอีกไม่ช้านี้ (มีเรื่องให้อัพไดแล้วนะ ฮ่าๆๆ ) 






ทุ่มกว่าๆ คนก็เริ่มซาก็เริ่มเก็บบูทแป่บเดียวก็เก็บเสร็จ พอสองทุ่มเราก็กลับบ้านพร้อมกับสายฝน (อีกแล้วววว) 

ขอบคุณสำนักพิมพ์ต้นมะนาวที่ชวนน้องไปร่วมงานด้วยนะคะ วันที่ไปนี่คนค่อนข้างเยอะค่ะ แต่สนุกมาก ด้วยความที่สำนักพิมพ์มีแต่หนังสือฮาๆ คนอ่านก็จะออกแนวขำๆ เกรียนๆ น่ารักๆ ขายของก็เหมือนได้คุยกับเพื่อนระหว่างทำงาน 


ขอบคุณค่ะ






10/19/14

ขายหนังสือที่ต้นมะนาว






ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อัพไดนานชาติมากกกกก แต่หน้านี้ขอเถอะต้องอัพนะ 

เนื่องด้วยเราประกาศหางานพาร์ไทม์เสาร์-อาทิตย์ทางเฟสบุคเพื่อหาเงินไปเที่ยว :) (เหตุผลการหาเงินน่าโดนเตะมากกกก)

แล้วคุณพี่นาน่าอิดิเตอร์ ณ ไดคลับก็คอมเม้นท์มาว่าบูทต้นมะนาวขาดพนักงานขายวันอาทิตย์สนใจไหม

งานนี้ไม่มีปฏิเสธ เรื่องงานเรื่องเงินอะไรไม่สนใจนะ (หราาาา) แต่อยากเจอพี่นาน่ามากกว่า ฮ่าาาา








โทรหาพี่นาน่าเพื่อสัมภาษณ์งาน ในใจนี่ตื่นเต้นมากค่ะ ตื่นเต้นเรื่องอะไรนะเหรอ? ตื่นเต้นว่าพี่นาน่าจะเสียงแง้วๆ หรือเปล่า

กดโทรออกปุ๊บพอมีคนรับสายปั๊บอารมณ์เสียเลยจ้าาาาา ก็บอกแล้วว่าจะโทรคุยเรื่องงานทำไมให้เด็กที่ไหนมารับสายฟร่ะ!! 

เปรี้ยงงงง!! (ตรีนพี่นาน่ากระแทกหน้าจ๊ะ)
อีบ้าาาาาา นั่นล่ะพี่นาน่าเฟ้ยยย!!  เสียงเค้าแง้วๆ แบบนั้นแหละ ตบซ้ำอีกทีดีไหมมม!!

คุยรายละเอียดกันพอเข้าใจเซย์เยสไป พี่นาน่าตกใจถามกลับมา เฮ้ยยย! ทำไมตกลงง่ายจัง ยืดอกพูดไปอย่างสวยๆ เล้ยยยยย....!!!

นี่ทำเพราะเป็นพี่นาน่าไงงง (โหหห อีปูสวยขึ้นอีก 20%) ตกลงว่าทำสองวันคืออาทิตย์ที่ 19 กับ 26 ค่ะ (แต่ปรากฏว่าได้ทำเพิ่มวันที่ 23 อีกวัน) หนุกหนานนนน






และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง วันที่ได้เจอตัวเป็นๆ พี่นาน่าบอกกันตรงๆ เลยว่าตื่นเต้น เข้าใจป่ะว่าเราได้ยินกิตติศัพท์พี่นาน่ามาตลอด

เสียงแง้วๆ บ้าง ตัวเล็กบ้าง หน้าเด็กบ้าง แต่งตัวแปลกบ้าง มันจะสักแค่ไหนกันเชียวววว มาดูหน่อยจิ่จะสมคำร่ำลือไหม

ผ่านไปสัก 10 นาทีพี่นาน่ามาจ้าาา เอ้า !!! ทำไมตัวพี่แค่ไหล่น้องล่ะคะ?!?! ดิฉันตัวบึกกว่าสามเท่าฮ่ะ นางตัวเล็กจริง ตัวเล็กเกินไป 555555

หน้าเด็กสมคำร่ำลือค่ะ อย่ามายืนใกล้น้องเด็ดขาดได้เป็นป้าแน่ๆ แต่งตัวแปลกไหม??  จากที่ดูวันนี้ก็ออกแนวคาวาอี้ดีนะคะ ไม่พบความแปลกแต่ประการใด คงคอนเซ็ปแม่แมวอย่างเหนียวแน่น 

ป.ล.จงมองดูถุงเท้าลายแมวแยกเขี้ยวของนางเถิดดดดดด ......







นอกจากขายหนังสือแล้วขุ่นแม่นาน่าเอายาหม่องมาวางขายด้วย ซึ่งขายดีมากและไม่พอขายด้วยมีลูกค้ามาถามหาเรื่อยๆ นะ (ของเค้าดีจริงผลิตไม่ทัน)

ซึ่งยาหม่องมี 3 สูตรค่ะ สีขาวแก้ปวดไมเกรน สีเหลืองแก้ปวดเมื่อย, ออฟฟิศซินโดรม สีเขียวแก้ผื่นคันแมลงกัดต่อย

อีนี่ก็มโนตัวเองว่าปวดเมื่อยตลอดดดดด คนซาๆ ก็ไปยืนจกตัวเทสเตอร์ทา หยิบสีขาวมาทาจ้าาาาา ทาทั้งวันอ่ะ (ของฟรีไง) เฮ้ย!!  ทำไมแม่งยังปวดเมื่อยอยู่ว่ะ!!

ขุ่นแม่นาน่าย้อมแมวขายหล่ะ (โถ่....ใช้เทสเตอร์ยังปากดี) เดินไปถามจ๊ะ กล้ามากกกก พี่นาน่าคะ หนูลองใช้ตัวนี้แล้วไม่เห็นมันหายปวดเมื่อยเลย (พร้อมหยิบตัวเทสเตอร์ให้ดูด้วยความมั่นหน้า)

ขุ่นแม่หน้านิ่งตอบมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ปูไปขายหนังสือต่อไปลูกไป สีขาวนี่มันแก้ไมเกรนเฟ้ยยยย !!!! ถถถถถถ อิฟายยยย (อันนี้ด่าตัวเอง) นี่จกผิดจกฟรีมาทั้งวันยังกล้าเรียกร้องเอากะเค้านะมึงงงง!!!




ก่อนจากอยากขาย....

งานหนังสือจะมีถึงวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคมนะคะ แวะมาซื้อหนังสือที่บูทต้นมะนาว โซน C M04 กันได้ สำนักพิมพ์นี้รับประกันความฮาของหนังสือทุกเล่ม

วันอาทิตย์เค้าก็อยู่นะตะเองงงงงงง มารุมซื้อได้เลย คนขายหน้าโหดแต่ไม่ดุจ๊ะ




ป.ล.เค้าได้เจอคุณบอดี้การ์ดของขุ่นแม่นาน่าด้วยยยยยยย โอ้ยยย บ้านนี้แข่งกันหน้าเด็กเกิ๊นนนนน !!!!



จบแล้วววววววววว!!!!!