10/2/17

แต่งงานกับคนเยอรมัน และจดทะเบียนสมรสในประเทศไทย


สำหรับการแต่งที่เยอรมันจะใช้การเตรียมเอกสารและต้องแนบผลสอบเหมือนกันค่ะ แต่จะแตกต่างกันหลังจากขั้นตอนรับรองเอกสารไม่ปลอมแปลงแล้วค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่าแต่งที่ไทยง่ายและถูกกว่าที่เยอรมัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนด้วยค่ะ


ข้อมูลของแต่ละเขต แต่ละอำเภอจะมีเงื่อนไขไม่เหมือนกันนะคะ แนะนำว่าก่อนจะเริ่มเตรียมเอกสารให้ทางแฟนไปติดต่อที่ Standesamt ที่เขตบ้านเค้าเพื่อสอบถามเรื่องเอกสารก่อนนะคะทางเขตที่เยอรมันเค้าจะให้เอกสารลิสต์มาเลยว่าต้องใช้อะไรบ้าง


**สำหรับบล็อกนี้ที่เราเขียนคือเขตที่แฟนเราอยู่นะคะ แฟนเราอยู่ WIESBADEN**



เริ่มเตรียมเอกสารทั้งหมด 5 กรกฎาคม 2017


เอกสารมีดังนี้ค่ะ (กรณีที่โสดทั้งฝ่ายชายและหญิง)

  1. สำเนาพาสปอร์ต พร้อมพาสปอร์ตตัวจริง(อันนี้ไม่ต้องแปลค่ะ)
  2. ใบเกิดตัวจริง (ถ้าหากตัวจริงชำรุดเสียหายสามารถไปขอคัดสำเนาจากเขตที่เราแจ้งเกิดได้ค่ะ) เราแจ้งเกิดที่เขตปทุมวันก็กลับไปขอที่เขตปทุมวัน เจ้าหน้าที่จะถามว่าเอาไปทำอะไรก็แจ้งไปว่าไช้จดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ เสียค่าธรรมเนียมประมาณ 20 บาทค่ะ ทางเจ้าหน้าที่เค้าจะถามเราแหละว่าจะเอากี่แผ่นแนะนำว่าคัดมาสัก 3-5 ใบเลยค่ะ เผื่อต้องใช้อีกจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปขอใหม่ แต่เอาไปแปลก็แปลแค่ใบเดียวนะ
  3. ทะเบียนบ้านตัวจริง หรือ แบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร์ (ทร.14/1) อันนี้เราขอที่บุรีรัมย์ค่ะเพราะมีชื่อในทะเบียนบ้านที่นี่ แนะนำให้ใช้ใบ ทร.14/1 (ซึ่งใช้แทนกันได้) เพราะเอกสารต้องแนบตัวจริงกับที่แปลส่งไปเยอรมันถ้าใช้ทะเบียนบ้านตัวจริงอาจจะไม่สะดวกค่ะเผื่อว่ามีเหตุจำเป็นต้องใช้ทะเบียนบ้านระหว่างนี้
  4. ใบรับรองโสด (มีอายุ 6เดือน)  อันนี้ขอได้จากเขตหรืออำเภอที่เรามีชื่อในทะเบียนบ้านค่ะ เราไปขอพร้อมกับใบ ทร.14/1 ที่บุรีรัมย์ 
  5.  ใบเปลี่ยนชื่อตัวจริง (อันนี้ของแม่เราค่ะ) 
  6. ใบรับรองสถานะภาพจากนางเลิ้ง (มีอายุ 6 เดือน) หลังจากรวบรวมเอกสาร 1-5 ครบแล้วก็เอาทั้งหมดไปขอใบนี้ที่นางเลิ้งค่ะ (อันนี้เอเจนซี่ไปขอให้เรา)
    **หากใครมีการเปลี่ยนชื่อหรือพ่อแม่ใครมีการเปลี่ยนชื่อที่ไม่ตรงกับทะเบียนบ้านก็ให้แนบใบเปลี่ยนชื่อตัวจริงไปแปลด้วยค่ะ*


วันที่ 6  กรกฎาคม  2017 เราส่งเอกสารที่เราเตรียมทั้งหมดให้เอนเจนซี่
ซึ่งอันนี้เอเจนซี่ได้ดำเนินการไปรับเอกสารที่นางเลิ้งให้เราด้วยค่ะ หลังจากได้เอกสารครบทั้งหมดแล้วทางเอเจนซี่ก็จะแปลเอกสารทุกอย่างค่ะแล้วส่งเข้าไปรับรองที่สถานทูต

วันที่ 11 กรกฎาคม 2017 เอกสารส่งเข้าสถานทูตเพื่อทำการรับรองเอกสารไม่ปลอมแปลง (Legalization)
หลังจากที่ทำการแปลเรียบร้อยแล้วเอกสารทั้งหมดของเราส่งเข้าสถานทูตเพื่อทำการรับรองเอกสาร ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้ระยะเวลา 6-8 สัปดาห์ค่ะ ทำอะไรไม่ได้ก็รอวนไป



เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการรอเราไปลงเรียน A1 ที่เกอเธ่คอร์สสุดสัปดาห์ไว้ด้วยค่ะ เป็นคอร์ส A1.1 เรียนทุกวันเสาร์ 8.30-12.00 เรียนทั้งหมดสิบครั้ง ซึ่งเราเริ่มเรียนวันแรกคือ  15 กรกฎาคม 2017 และวันจบคอร์สคือ 23 กันยายน 2017 ค่ะ




วันที่ 30 สิงหาคม 2017 เอกสารเราออกจากสถานทูต ใช้เวลารอไปทั้งสิ้น 7 สัปดาห์เต็ม ๆ แต่มันก็เป็นปกติของการรับรองเอกสารของสถานทูตค่ะ (ปกติเค้าจะใช้เวลาประมาณนี้แหละค่ะ 6-8 สัปดาห์) หากใครรอนานกว่า 8 สัปดาห์สามารถเมลไปถามสถานทูตได้เลย

หลังจากนั้นทางเอเจนซี่ก็ส่งเอกสารไปให้แฟนเราที่เยอรมันด้วยการส่งไปรษณีย์ไทยแบบลงทะเบียนธรรมดานั่นแหละค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10 กว่าวันก็ถึงแล้วค่ะ เราไม่รีบเพราะยังมีเวลาประมาณ 1 เดือนก่อนที่แฟนเราจะมา

แต่!!! แนะนำว่าให้ส่งแบบ EMS หรือ DHL ไปเลยค่ะยอมจ่ายเงินแพงหน่อยแต่เราจะไม่มานั่งเสียวสันหลังว่าเอกสารจะถึงหรือยัง


วันที่ 20 กันยายน 2017 แฟนได้รับเอกสารจากไปรษณีย์


วันที่ 22 กันยายน 2017 แฟนนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่ Standesamt เพื่อขอใบ Ehefähigkeitszeugnis


วันที่ 27 กันยายน 2017 เราสอบ A1 ที่ เกอเธ่ (เราสอบผ่านด้วยคะแนน 84 ค่ะ) หลังจากสอบแล้วประมาณ 3 วันก็ไปรับใบประกาศตัวจริงมาเตรียมไว้เพื่อจะได้ยื่นขอวีซ่าติดตามหลังจดทะเบียนสมรสค่ะ



วันที่ 28 กันยายน 2017  Standesamt นัดเข้าไปรับใบ Ehefähigkeitszeugnis หลังจากที่แฟนเราได้รับใบ Ehefähigkeitszeugnis แล้ว เค้าก็ส่งเมลพร้อมสแกน Ehefähigkeitszeugnis ให้สถานทูตเยอรมันที่กรุงเทพค่ะ เพื่อออกใบ Konsularbescheinigung ส่งไปที่เมล rk-13@bangk.auswaertiges-amt.de และสถานทูตจะเมลมาแจ้งกับเราว่าสามารถไปรับใบ Konsularbescheinigung  ได้วันไหน


วันที่ 9 ตุลาคม 2017 สถานทูตนัดเข้าไปรับใบ Konsular ได้ตอน 8.30 ค่ะ พร้อมเตรียมเงินไปด้วย 3500 บาท (ขึ้นอยู่กับค่าเงินในแต่ละวัน) เราไปถึงสถานทูตประมาณ 7.00 ก็นั่งหลับรอไปค่ะ แต่โชคดี ที่เค้าท์เตอร์เปิดก่อน 10 นาที ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 10 นาทีก็เสร็จจ่ายเงินจริง ๆ ด้วยค่าเงินวันนั้นประมาณ
3470 บาท  เสร็จแล้วเรานั่งแท็กซี่ไปต่อที่เขตบางรักเพื่อจองคิวจดทะเบียนสมรส  เราจองไว้เป็นวันที่ 11 ตุลาคม เพราะตรงกับวันเกิดแฟนเราพอดีค่ะ



วันที่ 11 ตุลาคม 2017 ก็ไปจดทะเบียนสมรสที่เขตบางรัก ด้วยความที่เราไปจองคิวไว้ก่อนแล้ว กรอกเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย วันจริงเราแค่เซ็นต์ชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่เท่านั้นเอง (แนะนำว่าถ้าไม่ได้รีบมาก ไม่อยากลนลานเรื่องเอกสารวันจริงไปจองคิวไว้ค่ะ วันจริงมาเราจะได้นั่งสวย ๆ เซ็นต์ชื่ออย่างเดียว) วันไปจดจริงเลยได้เป็นคิวแรกเลย เขตเปิด 8.00 ก็เรียกคิวเลยค่ะ วันจดทะเบียนเราต้องมีพยานเป็นญาติ 1 คน และเพื่อน 1 คน เราพาแม่และเพื่อนที่ออฟฟิศไปค่ะ ส่วนล่ามถ้าเราคุยกับแฟนเรารู้เรื่องเราก็สามารถแปลด้วยตัวเองได้เลยค่ะ


ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็เรียบร้อย ได้เอกสารมา 3 ใบ คือใบ คร.2, คร.3 และอีกใบคือใบที่แสดงความจำนงค์ของเราว่าต้องการเปลี่ยนไปใช้คำนำหน้าว่า นาง และ ต้องการเปลี่ยนนามสกุลตามสามีค่ะ
***แนะนำว่าให้จดที่เขตบางรักนะคะทุกอย่างมันจะเร็วและจะง่าย เราสามารถนำเอกสารใบทะเบียนสมรสไปแปลและไปรับรองที่สถานทูตได้เลยไปต้องเสียเวลาไปกรมการกงศุลนะคะ***



วันที่ 16 ตุลาคม 2017  เรากลับไปเปลี่ยนนามสกุลที่อำเภอที่เรามีชื่ออยู่ค่ะ โดยเจ้าหน้าที่ต้องการหลักฐานคือใบคร.3 และใบคำร้องขอเปลี่ยนนามสกุลที่เราได้มาวันจดทะเบียนทำเรื่องประมาณครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อยค่ะ พร้อมถ่ายบัตรประชาชนใหม่ด้วยค่ะ



วันที่17 ตุลาคม 2017  ไปทำพาสปอร์ตเล่มใหม่ เราไปทำที่ MRT คลองเตยค่ะ ศูนย์เปิด 8.30-15.00 (ประมาณนี้ค่ะ)  เราไปถึงประมาณ 7.45 มีคนมายืนต่อคิวอยู่ก่อนหน้าเราประมาณ 20 คนได้ค่ะ แต่ศูนย์นี้เร็วมากไม่ถึง 9 โมงก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ แนะนำว่าให้ติดใบแจ้งเปลี่ยนนามสกุลไปด้วยเพื่อเป็นหลักฐานนะคะเพราะเค้าขอดู ว่าเราได้ทำการจดทะเบียนสมรสและเปลี่ยนนามสกุลจริง ๆ (เรานี่พกไปทุกใบเลย) และพาสปอร์ตเล่มเก่าก็เอาไปด้วยค่ะเพราะเจ้าหน้าที่จะได้ทำการยกเลิกให้



19 ตุลาคม 2017  ช่วงสายๆ พี่ไปรษณีย์ก็เอาพาสปอร์ตมาส่งละคะ หลังจากนั้นเราทำการจองคิวในเว็บไซต์ของสถานทูตเพื่อยื่นวีซ่าติดตามสามีค่ะ แนะนำว่าให้จองคิววีซ่าหลังจากที่เราได้รับพาสปอร์ตเล่มใหม่นะคะเพราะเราต้องใส่เลขพาสปอร์ตลงไปตอนเราจองคิวด้วย
เราจองไปวันที่ 25 ตุลาคม 2017 เวลา 11.00-11.30  ที่จองช่วงสุดท้ายเพราะเราต้องเผื่อเวลารับรองเอกสารด้วยค่ะ



24 ตุลาคม 2017  ส่งเอกสาร คร.2, คร.3 ไปแปลค่ะ สำนักงานแปลเค้าแปลวันเดียวก็เสร็จค่ะ เราเข้าไปรับเอกสารเช้าวันที่ 25 วันเดียวกับที่เรายื่นวีซ่าติดตามสามีค่ะ




ขั้นตอนการยื่นวีซ่า
วีซ่าของเราจดทะเบียนสมรสในไทยจะเรียกการขอวีซ่าประเภทนี้ว่าวีซ่าติดตามสามีนะคะ
ส่วนคนที่จะจดทะเบียนสมรสในเยอรมันขอวีซ่าจะเรียกว่าวีซ่าแต่งงานค่ะ

25 ตุลาคม 2017 ช่วงเช้าประมาณ 8 โมงเราไปรับเอกสารแปลที่สำนักงานแปล (ฝั่งตรงข้ามสถานทูต) เสร็จแล้วก็ข้ามถนนไปสถานทูตถึงสถานทูตประมาณ 8.30 เราแจ้งว่ามายื่นวีซ่าติดตามสามร แต่จะขอรับรองเอกสารก่อน เค้าก็กดคิวให้เรา เราได้ประมาณคิวที่ 5 เริ่มเรียกคิวเราตอน 10 โมง เรารับเอกสารรับรองคืนตอน 10.40 ค่ารับรองเอกสารเราจ่ายไปประมาณ 1900 บาทค่ะ


เสร็จแล้วนำเอกสารทุกอย่างหลังจากรับรองแล้วและ A1 ไปถ่ายเอกสารค่ะถ่ายในสถานทูตนั่นแหละ เราถ่ายมา 3 ชุดเพื่อเอาไว้ยื่นวีซ่าติดตามสามี เพราะทางสถานทูตจะเก็บตัวก้อปปี้ไว้ค่ะ ส่วนเราก็ให้สามีถือตัวจริงกลับมาเยอรมันด้วย
เราจ้างให้เค้ากรอกและเรียงเอกสารให้ค่ะ เพราะยอมรับว่าวีซ่าระยะยาวนี่เรากรอกไม่รู้เรื่องจริงๆ จ่ายไป 360 บาทแลกกับความสบายใจค่ะ จะได้ไม่พลาดเนอะ



ป.ล. แนะนำว่าถ้าใครจะรับรองเอกสารวันเดียวกับวันยื่นวีซ่าเราแนะนำว่าให้จองคิววีซ่าช่วงสุดท้ายเลย (11.00-11.30) แต่รีบไปแต่เช้าเพื่อรับรองเอกสารค่ะ
การรับรองเอกสารจริงๆ เค้าทำไม่นานค่ะ แต่ที่ทำให้นานคือคิวค่อนข้างยาว เพราะนอกจากเราแล้ว ก็ยังมีบรรดาเอเจนซี่เอาเอกสารไปรับรองด้วย ถ้าเราได้คิวแรกก็โชคดีไป แต่ถ้าได้เป็นคิวถัด ๆ มาอาจจะรอเป็นชั่วโมงได้ เพราะฉะนั้นควรรีบไปให้ถึงแต่เช้า เราว่าการไปนั่งรอก็ยังดีกว่าเราไปสายค่ะ



พอเรียงเอกสารเสร็จทุกอย่างวิ่งไปกดคิวเลยค่ะ ถึงเวลาพอดี สัมภาษณ์วีซ่าระยะยาวเชิญช่อง 13 รอไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงคิวละคะ สัมภาษณ์ด้วยความมั่นใจไปเลยนะ ถ้าเราเตรียมเอกสารครบและมั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ของเราสัมภาษณ์แป่บเดียวมากจริง ๆ ค่ะ เจอไปประมาณ 5 คำถามได้



พอแฟนเราไปถึงเยอรมันก็เอาเอกสารตัวจริง A1, คร.2 และ คร.3 ไปยื่นที่ Standesamt เพื่อทำเรื่องภาษีค่ะ ผ่านไปสองอาทิตย์ก็ได้ใบทะเบียนสมรสเยอรมันมาครอบครองแล้วค่ะ :))



 ผ่านไปประมาณ 3 อาทิตย์ ทางตม.ยังไม่ติดต่อกลับมาเพื่อขอเอกสารเพิ่มจากสามีเรา เราเลยให้สามีโทรไปถามที่ตม. ทางตม.แจ้งมาว่าทางเค้ายังไม่ได้เอกสารตัวจริงที่ส่งมาจากสถานทูตกรุงเทพ ถ้าเอกสารตัวจริงมาถึงแล้วเค้าจะติดต่อกลับมาหาสามีอีกทีค่ะ
จากนั้นก็รอ ๆ ๆ อย่างมีความหวังต่อไป .............



วันที่ 23 พฤศจิกายน 2017  ทางตม.ส่งเอกสารมาที่บ้านสามีที่เยอรมันเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมโดยการให้สามีเราเขียนจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้องการให้เราได้วีซ่าและมาอยู่ที่เยอรมันด้วยกัน  โดยที่เค้าไม่ได้ระบุวันว่าให้เข้าไปวันไหนนะคะ เราเลยให้เขียนและเข้าไปยื่นเอกสารวันถัดมาเลย



วันที่ 27 พฤศจิกายน 2017  สถานทูตโทรมาแจ้งว่าวีซ่าของเราผ่านแล้ว ให้นำพาสปอร์ตเข้าไปรับวีซ่าได้ทุกวันจันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 7.30-9.00 และถ้ามีใบจองตั๋วเครื่องบินและประกันการเดินทางก็ให้นำติดไปด้วยค่ะ (หลังจากได้รับสายจากสถานทูตเราก็กดซื้อตั๋วเครื่องบินและประกันหลังจากนั้นเลยค่ะ ตอนนี้ทำทุกอย่างผ่านอินเตอร์เน็ตได้สะดวกมาก จ่ายเงินเสร็จก็ก็ปริ้นท์ตั๋วออกมาได้เลย)



วันที่ 28 พฤศจิกายน 2017  เราไปรับวีซ่าไปถึง 7.30 พอดีได้คิวแรก ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามารับวีซ่าติดตามสามีเยอรมัน ยื่นพาสปอร์ต ใบจองตั๋วเครื่องบิน ทางเจ้าหน้าที่กดดูเคสเราจากหมายเลยที่ติดเอาไว้ตอนวันมาขอวีซ่า เค้าจะถามว่าจะบินวันไหนเราก็บอกวันที่เราต้องการให้เค้าไปค่ะ เค้าจะให้วีซ่าเริ่มจากวันที่เราต้องการ เสร็จแล้วก็กลับมารับพาสปอร์ตคืนตอน 11 โมงค่ะ  เราก็กลับไปทำงานก่อนแล้วก็มาใหม่ตอนสิบโมงกว่า อันนี้ไม่ต้องกดคิวแล้วค่ะ รับเล่มได้เลยตรงพี่ผู้ชายที่มีโต๊ะอยู่ด้านหน้า เช็คชื่อ นามสกุล อะไรต่าง ๆ ในวีซ่าให้ดีก่อนออกจากสถานทูตนะคะ เค้าจะได้รีบแก้ไขให้เลยในตอนนั้น



- สรุปรวมระยะเวลารอวีซ่าทั้งหมด 32 วัน

- สรุปรวมระยะเวลาตั้งแต่เริ่มเตรียมเอกสารจนวันได้รับวีซ่า กรกฏาคม 2017 - พฤศจิกายน 2017 รวมแล้ว ประมาณ 5 เดือนค่ะ


เสร็จจบมหากาพย์อันยาวนานของการมีหลัวอย่างเป็นทางการ จากนี้ไปก็เข้าสู่ชีวิตจริงแล้วนะ