10/29/13

ซื้ออุปกรณ์สำหรับวิ่งใหม่






เมื่อวันศุกร์เราซื้ออุปกรณ์สำหรับวิ่งใหม่ ได้กางเกงมา 4 ตัว (แบบละ 2 ตัว) ปรากฏว่าต้องเอาสีชมพูไปเปลี่ยนเพราะคนขายบอกว่ามีซับในซึ่งเราไปซื้อตอนกลางคืนแล้วคนมุงเยอะมากเราก็เลือกๆ อยู่ข้างนอกซึ่งจับๆ ดูแล้วมันมีซับในจริงๆ แต่พอถึงบ้านก็พบว่าซับในมันสั้นเท่ากางเกงในเลยอ่ะ แล้วกางเกงมันมีรูๆ ระบายอากาศทั้งตัวทำใจให้ใส่ไม่ไหวจริงมันใบเตยมากๆๆๆๆๆๆ ก็เลยเอาไปเลี่ยนได้แบบเดียวกันมาอีกสองตัว (。-_-。)







ได้กระเป๋าคาดเอวใบเล็กๆ มาด้วย 1 ใบเอามาใส่เงินกับโทรศัพท์เวลาวิ่ง (ดิฉันพบเทพขั้นกว่าของอาร์มแบนด์แล้วหล่ะ) เราว่าอาร์มแบนด์ก็สะดวกดีนะสำหรับเรา แต่ปัญหามันอยู่ที่เวลาวิ่งๆ เวลามีโทรศัพท์เข้ามาเราต้องถอดออกมารับซึ่งมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ นี่แหละน้าาาา มนุษย์ต้องหาอะไรให้ตัวเองสะดวกที่สุด





เมื่อวันเสาร์ก็ไปวิ่งตามปกติ ก่อนวิ่งเราซิทอัพ 100 ที แล้วก็เวทแขน โหนบาร์เท่าที่จะหาทำได้ในสวนลุมหล่ะ เราว่าถ้าประยุกต์ใช้หน่อยสวนลุมมันคือยิมดีๆ นี่เอง
วอร์ม เวทเสร็จก็ยืดเส้นรวมๆ แล้วก็ครึ่งชั่วโมงโดยประมาณก็เริ่มวิ่งวิ่งไปได้รอบนึง (2.5km.) ยังไม่รู้สึกเหนื่อยแฮะ เลยล่อไปอีกรอบนึงปรากฏว่าเราวิ่งไป 5km. ด้วยเวลา 40 นาทีซึ่งก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเลยลองสปีดให้เร็วขึ้นไปจบที่ 6.30km. ด้วยเวลา 48 นาที เวลาเราดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน นี่ตั้งใจว่าจะฝึกวิ่ง 10.5km. ไว้ลงมินิมาราธอน















 



10/25/13

Cold wax - แว็กซ์ขนครั้งแรก




คิดมาตั้งนานแล้วหล่ะว่าอยากจะกำจัดขนขา เพราะเราเป็นคนขนเยอะมากกก......เรียกได้ว่าทุกส่วนพูดกันแบบไม่อายเลยนะระดับนี้แล้ว 555+++ อ่านรีวิวเรื่องแว็กซ์ขนเยอะมากเหมือนกันหาทั้งที่ไม่แพงแล้วก็มองหาที่ที่ทำแล้วดีด้วยขนขึ้นใหม่ไม่แข็งและไม่เป็นขนคุด

อ่านไปอ่านมาก็คิดว่างั้นไปหาซื้อมาลองทำเองเลยดีกว่าไหม??? บอกก่อนว่าเราเคยทำแว็กซ์ร้อนด้วยตัวเองมาแล้ว (คือเราแม่งเป็นมนุษย์ประเภทชอบทำด้วยตัวเองนะ ตัดผม, ย้อมผม, ยืดผม แต่พอทำเองแล้วก็คิดว่าทำร้านเห๊อะ!!!!)

ตัดสินใจซื้อแว็กซ์เย็นมากล่องนึงจากร้านขายเครื่องสำอางค์แถวออฟฟิศในราคา 150 บาทเป็นแว็กซ์น้ำผึ้งที่มีป้ายุค 70's แต่งตัวชวนฝันนอนอาบแดดเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หน้ากล่อง







เราถามคนขายว่าใช้ยังไงคะ เค้าตอบว่า "อ่านที่ข้างกล่องเลยมีเขียนไว้" เงิบบบสิ จ๊ะป้าจ๊ะๆ เดี๋ยวหนูลองเองขอบคุณที่อุตส่าห์ขายให้นะ แหมมมม!!!! 

เปิดมาในกล่องจะมีอุปกรณ์อย่างที่เห็นในรูปเลยนะ แว็กซ์ 1 กระปุก (สีและกลิ่นจะคล้ายๆ กับน้ำตาลที่เคี่ยวไหม้ๆ อ่ะจ๊ะ) ไม้พาย 1 อัน, ผ้าเอาไว้ดึงขนประมาณ 4 ชิ้น, โทนเนอร์ไว้เช็ดหลังจากที่แว็กซ์เสร็จเพื่อทำให้รูขุมขนกระชับ












โอเชนะฮ้าาา... กายพร้อมใจพร้อมเราทำได้!!!   อ่านฉลากข้างกล่องเค้าบอกว่า
1. ให้ไปทำความสะอาดขาก่อนเลย 
2. ซับน้ำให้แห้ง และใช้แป้งฝุ่นทาบางๆ
3. ปาดครีมลงไปตามแนวขนเลยจ้าาา ให้เท่าขนาดผ้าที่เราจะแปะลงไป
4. แปะผ้าเอามือรีดๆพอประมาณไม่ต้องรอให้ครีมซึมหรืออะไร ดึงชั๊วะ!! ออกมาเลยจ้าาาาาา แล้วก็ทำซ้ำไปเรื่อยๆ ซึ่งอ่านแล้วเหมือนง่ายเลยเนอะ! แต่มันไม่ช่ายยยย!!!!


เราเปิดยูทูปดูไปด้วยคิดว่าเอาไว้กันพลาด แต่ก็พลาดไม่มีการหลุดของขนหน้าแข้งตามผ้าขึ้นมาเลย แต่จริงๆ ก็หลุดอยู่นะ หลุด 3 เส้น (。-_-。) ในยูทูปคือดึงดังแคว่กๆๆ สรุปแล้วคือยูทูปแม่งไม่ช่วยอะไรกูเลยค่ะ เลิกๆๆ โยนใส่ขยะแล้วมานั่งมองขาตัวเอง อ่าาาห์ บร๊ะเจ้าขนหลุดเป็นหย่อมๆ น่าสมเพชอะไรเยี่ยงนี้ ตอนนั้นความคิดแว่บขึ้นมาว่า "เดี๋ยวกูโกนแม่งเบยยยยย" แต่ที่บ้านไม่มีมีดโกนค่ะฮ่วยยยย!!!! แถมคิดได้ว่าตอนขนขึ้นมาใหม่มันจะเส้นใหญ่ หยิก หยอย มากเลยนะก๊ะ!! จะเอาเหรอออ?!??! 
เสิร์ชกูเกิ้ลเลยจ้าาา!! "แว็กซ์ขน ราคาถูก pantip" (พันทิปกลายเป็นแหล่งข้อมูลระดับโลกไปแล้ว) ขึ้นมาไม่กี่เจ้า ที่ดีๆ ก็แพง อ่านรีวิวแล้วก็ทำดีด้วย ที่ถูกๆ และดีก็ไกลเกิ๊นนนน!! แต่คนกระเป๋าแบนแฟนหน้าเหมือนณเดชน์อย่างดิฉันแล้วควรได้ร้านที่สมฐานะ(ยากจน) มากกว่านี้สิ!



อันนี้ขาก่อนทำนะขนหรึ่ม!!!




อันนี้ขาหลังจากแว็กซ์ด้วยตัวเอง เห็นด่างๆป่าว??









หลังจากที่งมเสิร์ชข้อมูลอยู่พักใหญ่ๆ เราก็ไปเจอร้านนึงอยู่ตรงอนุสาวรีย์ชัยฯ อ่านรีวิวแล้วพบว่าราคาคุณภาพก็สมเหตุสมผลดีนะเดี๋ยวแจกแจงราคากับบอกพิกัดให้

เราตัดสินใจจะทำที่นี่แหละ ร้านชื่อ 88waxclub ไปถึงร้านประมาณ11 โมงเจอพนักงานนั่งกินข้าวอยู่เค้าบอกเพิ่งเปิดร้าน (ร้านเปิด 10.30) พนักงานก็มาทำให้เราโดยมีกะละมังเล็กๆ 2ใบใช้ทำความสะอาด
1. ขัดผิวที่ขาโดยใช้สครับ (15นาที) 
2. ทำความสะอาด เช็ดให้แห้ง ลงแป้งฝุ่น
3. ป้ายครีม แปะผ้า ดึงแคว่กกก!!!
ขนนี้หลุดมาเป็นแผงเลยจ้าาาา... เรางงเลยว่าตอนเราทำเองนี่พลาดขั้นตอนไหนไปว่ะ ทำไมมันไม่แคว่ก! เหมือนเค้า 
และคำตอบของน้องพนักงานก็ทำให้เราเหมือนถูกตบหน้าให้ตื่น "ครีมที่พี่ซื้อมาอาจหมดอายุค่ะ" นั่นไงงงงง ว่าแล้ววว!!!










ขาข้างนึงน้องทำประมาณ 20 นาทีค่ะ ทำเสร็จก็เช็ดทำความสะอาดให้รอบนึง ลงโทนเนอร์ให้แล้วตามด้วยเจล น้องบอกว่าอย่าเพิ่งทาโลชั่นสัก 2 วันเพราะจะทำให้มันเข้าไปอุดตัน 
รวมๆ เวลาที่ทำขนขาแล้วก็ประมาณ 45นาที- 1 ชั่วโมงต่อคน ทำเสร็จนี่ขาเราโล่งเลยค่ะรู้สึกสะอาดและเบาสบาย











Q : เจ็บไหม?
A : ไม่เจ็บค่ะ เราถอนขนคิ้วเองเจ็บกว่าหลายเท่า แต่คนที่ไม่เคยทำ หรือขนเส้นใหญ่อาจจะเจ็บและออกยากหน่อย

Q : ราคาเท่าไหร่ ?
A : จักแร้ 120, แขน 200, ครึ่งขา(เข่าลงไป) 200, เต็มขา 400, ของเราเป็นแบบ full leg ค่ะ 400
* พนักงานแนะนำเราให้เปิดเป็นกระปุกเลย 340 บาท ถ้าครีมไม่หมดเก็บไว้ที่ร้านได้มาทำครั้งต่อไปจ่ายแค่ 60 บาท โดยใช้ครีมที่เราฝากไว้ * เราเลือกอันนี้เพราะคิดว่าครั้งหน้าจะไปทำรักแร้ค่ะ วันนี้เพิ่งถอนไปไม่มีให้แว็กซ์ ฮ่าๆๆๆ
อ่ออ ที่ร้านมีบิกินีแว็กซ์ด้วยแต่ราคาก็แพงขึ้นไปอีกนิดนึงตามระดับความฮาร์ดคอร์จ๊ะ


Q : ร้านอยู่ที่ไหน
A : แฟชั่นมอล อนุสาวรีย์ ชั้น 3 ถ้ามาบีทีเอสก็เดินมาตามสกายวอล์ค จะมีบันไดทางเชื่อมเข้าห้าง ถ้าเข้าทางเชื่อมมาแล้วจะเจอร้านสเต็กให้เดินเข้ามาด้านในร้านจะอยู่ติดกับบันไดเลื่อนเป็นห้องกระจก 



ขาหลังจากให้ร้านแว็กซ์ให้





ก็ประมาณนี้นะ เดี๋ยวรอดูอีกสักเดือนว่าขนที่ขึ้นใหม่เราจะเป็นยังไง จะแข็งหรือไม่เดี๋ยวมารอดูกัน

ป.ล. แนะนำให้ไปช่วงเช้าๆ ค่ะ เพราะถ้าไปบ่ายอาจจะต้องรอคิวนาน

ป.ล.ก่อนไปทำอย่าทาโลชั่นไปจ๊ะเพราะจะทำให้ลื่นครีมไม่ติดขนไม่หลุดออกมา











Tonkatsu กินข้าวหมูทงคัตสึ

Friday, 25 October 2013






:: อัพเดทวีซ่ากันก่อน ::


เมื่อคืนนี้มารีสไกป์มาหาเรา ถามเราว่าได้เมลจากไมเกรชั่นบ้างไหม เราตอบไปว่ายังไม่ได้เมลอะไรเลย


มารีบอกว่านี่เมื่อวันก่อนไมเกรชั่นส่งเมลมาหาเค้าถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการจ่ายค่าแรง ชั่วโมงทำงาน


และวันหยุดของเรา (ซึ่งจริง ๆ ควรจะถามตั้งนานแล้วม่ะ?? ) มารีบอกว่าคิดว่าวีซ่าน่าจะได้เร็ว ๆ นี้แหละ


ถ้าทางไมเกรชั่นเริ่มที่จะกระตือรือร้นทำงานแล้วคาดว่าคงรออีกไม่นาน ------- สาธุ๊!!!!!!!!











มาเข้าเรื่องกินหมู กินหรูของเราวันนี้กันเถอะจ๊ะ


ปกติทุกวันเราห่อข้าวมากินที่ออฟฟิศนะ อย่างที่รู้ ๆ กัน แต่วันนี้โดนทาบทามไปกินข้างนอก ซึ่งที่ประจำ


ก็จะเป็นเต้นท์แบบตลาดนัดทั่วไปนะ นั่งกินไปเหงื่อไหลไปได้บรรยากาศชาวออฟฟิศโดยแท้ แต่วันนี้ชาวคณะ


เกิดอยากกินหรูขึ้นมาก็จัดให้ซะหน่อย นาน ๆ จะกินซักที (นาน ๆ จะกินหรูซักทีในที่นี้ไม่ใช่เดือนละครั้งนะ


6 เดือนครั้งจ้าาาาาา 55555 เป็นมนุษย์เงินเดือนมันลำบากแท้หนออออ....เก็บเงินลงขวดเหล้าหมด _"_)












เราไปกินร้านทงคัตซึแถว ๆ สุรวงศ์ อย่างที่รู้ ๆ กันว่าแถวนี้สีลม พัฒน์พงศ์ สุรวงศ์มีร้านอาหารญี่ปุ่น บาร์ ผุดขึ้น


ประหนึ่งดอกเห็ด เพื่อเอาใจบรรดาซารารี่มังที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำงานที่ไทยแลนด์แดนสยามแห่งนี้


แต่เอาจริง ๆ บางร้านก็รสชาติห่วยแตกมากนะบอกตรง ๆ


ร้านนี้เรามากินประมาณ 3 ครั้งแล้วหล่ะ เมนูส่วนมากจะเป็นข้าวหมูทงคัตซึ กับ ข้าวแกงกะหรี่ ช่วงเช้าปิดบ่ายสอง


เค้าเปิดช่วงกลางคืนอีกรอบนะแต่เปิดเป็นบาร์ เค้าเรียกยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวสินะ วันนี้เรามากินกลางวันแล้ว


เดี๋ยวครั้งต่อไปจะมาลองในรูปแบบบาร์บ้าง ฮ่าาาาาาาา







นี่แบบอยากเม้าท์ คือตรงชั้นวางที่เรายืนรอคิวใช่ป่ะ


ก็มีขวดเหล้าวางอยู่ ซึ่งส่วนมากเป็นเหล้าญี่ปุ่นนะ มีนามบัตรติดจ้า....ประมาณว่าลุง ๆ ฝากเหล้าไว้ไรงี้ แหมๆๆ


นี่อยากได้สามีรวยแค่ไหนเลือกตำแหน่งจากขวดเหล้าได้เลยคะ มีตำแหน่ง อีเมล และเบอร์โทร ส่วนจะแก่ หนุ่ม


ขี้เหร่ หรือ หล่อ โสดไหมไปเสี่ยงเอาเองนะจ๊ะ




จบเรื่องเหล้าและมาเรื่องข้าวของเรากันต่อเถอะค่ะ มาม่ะๆๆ











 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 























 
ถ้าเราสั่งเมนูแต่ละอย่างไปมันจะมาเป็นเซ็ท ในเซ็ทจะมีข้าว สลัด(กะหล่ำ) มิโซะซุป และผักดอง



ซึ่งข้าวกับสลัดนั้นเติมได้ไม่อั้น ราคาต่อเซ็ทจะอยู่ที่ประมาณ 200-280 บาท เรียกว่าคนไหนกินจุนี่



รับรองคุ้มค่ะ เราเองแค่กินหมูทอดก็อิ่มแล้วข้าวกินได้แค่ครึ่งเดียวไม่ไหวอิ่มจริง ๆ อ่อออ กินเสร็จเค้าจะมี


กาแฟตบท้ายให้ด้วยนะ

 


กินเสร็จเช็คบิลของเรารวมค่าน้ำกับกิมจิที่สั่งเพิ่มก็ประมาณ 300 บาท เพราะเซ็ทของเราเป็นทงคัตซึสอดไส้ชีส


เซ็ทนี้ก็ 260 หล่ะ (แพงชีสสินะ) แต่ถ้าใครมากินก็แนะนำให้สั่งเป็นหมูสันในนะคะ เพราะมันจะติดมันนิด ๆ ชุ่มลิ้น


ส่วนหมูสันนอกมันจะเป็นเนื้อล้วนแห้ง ๆ หน่อยไม่ค่อยสะใจวัยสะรุ่นเท่าไหร่






:: พิกัดร้าน ::


ร้านนี้อยู่ตรงสีลมซอย 6 นะคะ เดินเข้ามาสุดซอยเกือบทะลุสุรวงศ์หล่ะ เข้าทางสีลมร้านจะอยู่ทางขวามือ


แต่ถ้ามาทางสุรวงศ์เข้าซอยตรงข้ามกับโรงแรมตะวันนาจ๊ะ ซอยเล็ก ถึงเล็กมากรถสวนกันไม่ได้


เดินเข้ามาสักร้อยเมตรเข้าทางนี้ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือจ๊ะ เวลาเปิดไม่แน่ใจแต่ถ้าเอาให้ชัวร์สัก 11 โมงก็ดีค่ะ


เพราะถ้ามาเที่ยงจะต้องรอคิวเราเคยรอประมาณครึ่งชั่วโมง ช่วงกลางวันร้านปิดประมาณบ่ายสองค่ะ





โอเค! เดินตามหาร้านกันเจอแล้วก็ขอให้เอ็นจอยอีทติ้งนะฮ้าบบบบบบบ !!!!



Happy Friday :)






 
 
 
 
 
 
 
 




10/23/13

Run and Weight



23, October 2013


วันนี้วันหยุด(วันปิยะ) เราหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปวิ่งตอนเช้า แต่ความแน่วแน่ก็แพ้ความขี้เกียจนะจ๊ะ ตื่นมา 7 โมงจ้าาาา ตัดความคิดจะไปวิ่งออกไปได้เลยถ้าไปได้โดนแดดเผาตายแหงๆ ก็เลยเปลี่ยนมาวิ่งตอนเย็นแทน








หลังจากที่วิ่งไปตามจำนวนที่ต้องการแล้วก็มาเดินยืดเส้น ด้วยความที่วันนี้มาเร็วและไม่ต้องรีบกลับไปดูเดอะว้อยซ์ เราก็ชิวได้ ฮ่าา ก็เดินไปฝั่งสนามเด็กเล่น ซึ่งจะมีเครื่องออกกำลังกายต่างๆ สร้างไว้ให้คนมาใช้ฟรี ซึ่งอุปกรณ์ก็บ้านๆ นะ ไม้หมอน, เหล็กธรรมดา แต่ประสิทธิภาพไม่ต่างจากเครื่องในยิมเลยเพียงแต่เครื่องเล่นได้ไม่ครบทุกส่วนเท่านั้นเอง ก็พยายามปรับๆ เอาให้เหมาะอ่ะนะ











เราเวทแขนไป 3 เซท, วิดพื้น 3 เซท, ซิทอัพ 100 ที เล่นเอาแขนสั่นผั่บๆ เลยหล่ะ เหงื่อนี่ไหลออกมาตามขาเป็นเม็ดเลย สะใจ! 



ในอินสตาแกรมเราส่วนมากเลยจะฟอลโล่พวกฟิตเนสไอดอล, อีทคลีน, อะไรพวกนี้สะเป็นส่วนมากเวลาเค้าอัพรูปหุ่นดีๆ สวยๆ มันก็เป็นแรงพลักดันให้เราต้องทำกับตัวเองให้มากขึ้นเดี๋ยวจะกลับไปกินคลีนเหมือนเดิมแล้วตั้งแต่มาอยู่กับแม่นี่ตามใจปากตลอดแล้วแม่จัดเต็มให้ลูกตลอดเช่นกัน



วิ่งเสร็จกลับมาเปิดยูทูปทำท่าสควอทตามเค้าไป 3 เซ็ท ท่านี้เหนื่อยมากกกกก ใจจะขาดเอาง่ายๆ เลยนะ แต่เอานะเพื่อก้นที่งามงอนดิฉันจะสู้!!!!













10/11/13

Weekend run!






Saturday, 12 October 2013


สัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งเป้าว่าวันหยุดจะตื่นแต่เช้าเพื่อไปวิ่งที่สวนลุม ตั้งนาฬิกาปลุกและต่อสู้กับตัวเองสุดๆ ว่าจะตื่นหรือเปล่า แต่ก็สำเร็จนะ ไปทำงานยังไม่ตื่นเช้าขนาดนี้เลย คิดดู๊!!!!!!!



ออกจากบ้าน 06.30 ถึงสวนลุมประมาณ 7 โมงวอร์มอัพ ยืดเส้นอะไรกันพอสมควรก็ออกวิ่ง วิ่ง+เดินบ้างไปได้ 2 รอบกะว่าจะวิ่งต่ออีกสักรอบ แต่แดดแรงมากกกกก คิดว่าเป็นลมแดดแน่ๆ พอดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่มาให้เช้ากว่าเดิมนิดนึง เลยไปซิทอัพอีก 100 ทีแล้วก็กลับบ้าน




ตอนแรกค่อนข้างกลัวสวนลุมตอนเช้าเพราะไม่เคยมาพอมาถึง โว๊ะ!! นี่มันน่าวิ่งกว่าตอนเย็นซะอีกคนเยอะมาก อาม่า อากง ลูกเด็กเล็กแดงคงอาจเป็นเพราะวันหยุดด้วยละมั๊งคนเลยเยอะ 




ผลงานของวันเสาร์ 5 km. 52 นาที






พอตกเย็นหลานก็มาร้องให้พาไปสวนลุมให้อาหารปลาก็ไปเดินรอบนึง แล้วนางก็ร้องจะกินสเวนเซ่น อ่ะ! พาไปดิฉันคือน้าที่ดีจริงๆ ให้หลานกินคนเดียวก็ได้ไงแต่เราก็แอบอยากกินเลยสั่งมาเล็กๆ อิอิ













กินเสร็จก็สำนึกผิดนิดๆ เดินเข้าไปในทอปส์หาซื้อผักได้มาสองห่อเป็นผักโครงการหลวงห่อละ 15 บาทเท่านั้นห่อใหญ่มากเป็นผักออร์แกนิคถือว่าราคาถูกมากเดี๋ยวพรุ่งนี้จะทอดใส่ไข่ กินคลีนหลังจากปล่อยตัวมานาน
















Sunday, 13 October 2013




วันนี้ก็ออกไปวิ่งเหมือนเดิมแต่ไปวิ่งตอนเย็นแทน จริงๆ ก็ตื่นได้นะแต่ไปวิ่งตอนเย็นดีกว่าจะได้ไม่ต้องหนีแดด อิอิ
สเตปเดิม ไปซิทอัพก่อน 100 ที แล้วก็ออกวิ่ง วันนี้วิ่ง + เดินไป 2 รอบกว่า คือรีบกลับไปดูเดอะว๊อยซ์ 

























กลับมาก็ได้ดูเดอะว๊อยซ์ไม่กี่คนประมาณ 3 คนสุดท้ายหล่ะ วีคนี้บลายด์ออดิชั่นวันสุดท้ายแล้ว วีคหน้าก็แบทเทิลแล้วซีซั่นนี้สนุกดีนะ
ทำไข่เจียวผัก (ใส่ตำลึงหวาน) ที่ซื้อมาเมื่อวานห่อไปกินที่ทำงานพรุ่งนี้ 










จบสัปดาห์ง่อยๆ ไปอีก 1 สัปดาห์นะค่ะ 







Shopping






เดินไปที่ตลาดนัดข้างๆ ออฟฟิศเพื่อจะหาขนมกินระหว่างวัน ดันได้เสื้อมากินแทน 2 ตัวซะงั้น Σ(゚д゚lll)
คำว่าเอาน่านานๆ ซื้อทีช่างเป็นคำปลอบใจตัวเองที่ค่อนข้างได้ผลนะ เชื่อเถอะเดี๋ยวเดือนหน้าก็ซื้ออีก ไม่นานหรอก













 
 
 
 





 


10/10/13

Red lip



 
 
 
เช้านี้บอกตัวเองว่าอยากทาปากแดง
ก็เลยทาปากสีแดง
 
 
 
 
#nofilter
#noapplication
 


 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 

Marie & Noa




มารีกับนิวอามีทริปมาไทยค่ะ 7- 22 ตุลาคม มารีอยู่ที่กรุงเทพ 7-11 และจะไปหัวหินต่อ

เพราะแฟนหล่อนจะไปรอที่นั่น มารีนัดเจอเราวันที่ 9 หลังเลิกงาน หลังจากที่ทั้งวันหล่อนเดินสาย

ทำฟัน สักคิ้ว กำจัดขน บลา ๆ ๆ อะไรเสร็จเรียบร้อย ก็เรียกว่าคุ้มนะมาครั้งเดียวทำได้ทั้งตัว ฮ่าๆๆ

เราไปเจอมารีที่โรงแรมแรมแบรนด์ สุขุมวิท 18 มารีบอกว่าเวลาทำงานพนักงานสายการบิน SAS

ก็จะพักโรงแรมนี้ทำให้ชินกับแถวนี้ที่สุด






เรานัดกันตอนทุ่มตรงไปถึงโรงแรมเรารอที่ล็อบบี้แล้วก็ส่งข้อความเฟสบุคไปหามารี สักพักหล่อนก็ลงมา

เรานั่งหันหลังให้ลิฟท์ แต่ได้ยินเสียงเด็กวิ่งรู้เลยว่านิวอาแน่ ๆ หันไปดูใช่จริง ๆ ด้วย นางเปี่ยมด้วยออร่านะคะ

คือตัวเล็ก ๆ ตาโต ผมทองน่ารัก อยากรัดแน่น ๆ อารมณ์หมั่นเขี้ยวประมาณนั้น นางก็เริงร่าพลังเยอะวิ่งตลอด

มารีหล่อนก็เดินสวยมาเลย ทำงานสายการบินอ่ะเนอะ จะมาป้าๆ แก่ๆ มันก็ไม่ใช่





มารีพาเราไปร้านอาหารข้าง ๆ โรงแรมหล่อนบอกกินร้านนี้บ่อยมาก เมนูก็สั่งเดิม ๆ ปอเปียะทอดนิวอาชอบ

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เราเลยแนะนำปูผัดผงกะหรี่หล่อนบอกว่าอร่อยดี ชอบเดี๋ยวคราวหน้าจะสั่งบ้าง

นั่งคุย ๆ กับมารีไปนิวอาก็ถือเกมมาให้เล่น สอนเราพูดสวีดิชบ้าง เป็นระยะๆ ถามมารีตลอดว่าคืนนี้นัตตี

จะนอนกับเราด้วยไหม

ประมาณ 3 ทุ่มนิวอาเริ่มง่วงและปล่อยพลังด้านมืดออกมาละค๊า.....ตานางเริ่มปิดพวกเราก็เลยเดินกลับโรงแรม

ปรากฏรองเท้านางดอกไม้มันหลุดออกมา มารีก็บอกว่าเดี๋ยวซ่อมให้นะ แต่เด็กนะพอง่วงนอนก็เหวี่ยงหมดหละ

ตานางเริ่มแดงน้ำตาคลอจ้า....นางจะซ่อมรองเท้าตอนนั้นเลย นางวิ่งหนีมารีและส่ายหัวไม่เอาข้อเสนอทุกอย่าง

ที่เราหยิบยื่นให้ เราเลยขอตัวกลับก่อนทำหน้าเสียใจเล็ก ๆ ที่เด็กน้อยงอนประมาณว่าจะกลับแล้วนะ ขอกอดหน่อย

นางเล่นตัวอยู่แป่บนึงสักพักก็กางแขนให้กอดแต่โดยดี





ป.ล.ต้องฝึกภาษาสวีดิชจริงจังสินะ คุยกะเด็กไม่รู้เรื่องเล้ยยยยยยยย































 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

10/7/13

Manpower outing 2013 (2)


 
 
วันนี้มาต่อที่ซาฟารีไนท์ คือแต่งตัวแฟนซีเป็นธีมซาฟารี กิจกรรมในห้องประชุมเลิกประมาณ 2 ทุ่มและปาร์ตี้จะเริ่มตอน 3 ทุ่มนั่นหมายความว่าเราต้องแต่งตัวเสร็จประมาณ 2.45 แต่ ! เดี๋ยวก่อน ! เดินจากห้องประชุมไปที่ห้องพักก็กินเวลาประมาณ 20 นาทีแล้วจ๊ะ อาบน้ำแต่งตัวนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยนะ
 
 
วิ่งมาห้องประชุมกันแบบหูตาแหก หิวด้วยกลัวไม่ทันด้วย เพราะถ้าไม่ทันนั่นหมายความว่าเราพลาดอะไรหลาย ๆ อย่างไปกันเดียวทีเดียว (โดยเฉพาะการจับรางวัล) เราไปถึงห้องประชุมก่อนการจับรางวัลเริ่มแค่แป่บเดียว กินอาหารเย็นกันแบบลวก ๆ คือเหนื่อยจนไม่อยากจะกินอะไรแล้วหล่ะนะ
 
 
 
 
 
 
ว่าแล้วเรามาดูแฟนซีกันบ้างดีกว่า เราถ่ายมานิดเดียวแค่เรากับเพื่อนเราอีกทีมเท่านั้นเอง บอกแล้วว่างานนี้นอยด์แดกมากนะคะ ไม่อยากทำอะไรเลย



 
เพื่อนสาวนางแต่งเป็นม้าลาย ยังงงกับนางว่านี่มึงมีเวลาแต่งตัว 15 นาทียังเพ้นท์หน้าได้อยู่บร๊ะ !!











ถ่ายกับเพื่อนสาวแล้วถ่ายกับเพื่อนหนุ่มบ้างแก้งค์ซีบร้าบอย (ออกแนวโรคจิตด้วยฮ่ะ)



 
 


 
ทีมนี้ได้รางวัลแต่งแฟนซีนะคะ พวกนางแต่งเป็นอวตาร เห็นน้ำเงินทั้งตัวนั้นคือใช้สีเพ้นท์นะ ไม่ได้ใส่สกินนี่หรืออะไรเลย ซิกแพคกันจริง ๆ ไม่ได้ใช้สแตนด์อินอะไรทั้งนั้นจ๊ะ ฮ่าๆๆๆ





 
 
นี่อวตารตัวพ่อ คืออย่าเดินมาข้างหลังตอนเผลอนะ ตกใจจริงอะไรจริง






 
 
 
 
 
 
หมดคืนซาฟารีไนท์ไปแล้ว เราตื่นมา 8 โมงเช้ามากินอาหารเช้าและเดินทาง ไปกินอาหารเที่ยงแถว ๆ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แล้วไปต่อที่โรงถ่ายภาพยนตร์พระนเรศวรมหาราช เราเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก เห็นว่าอีกไม่นานก็จะทุบทิ้งแล้วนะคะ เพราะตรงนี้เป็นเขตพื้นที่ของทหารและเค้าจะเอาพื้นที่คืน แต่ก็สร้างมา 5 ภาคแล้วหล่ะ เรียกว่าคุ้มแล้วถึงแม้จะโดนทุบทิ้งก็ตาม แต่บอกกันตรง ๆ เลยว่าเราไม่เคยดูนเรศวรซักภาค แฮะๆๆ
 
 
 
 
 
เดินดูไปเหงื่อไหลไคลย้อย เพราะอากาศร้อนมากกกกก ปฏิมากรรมที่เห็นคือ จำลองมาจากของจริง พวกดีเทลเล็ก ๆ คือโฟมนะคะ เนียนมาก แต่ก็เริ่มมีการรื้อออกแล้วหล่ะ บางส่วนก็พังหมดแล้ว เห็นผู้บรรยายบอกว่ามีละครเรื่องอื่น ๆ ก็มาใช้สถานที่ในการถ่ายทำด้วยหลายเรื่องอยู่นะ
 
 
 
 
 




 
 
 
 
เจ้ส้มเคยบอกว่าฟ้าเมืองกาญสวย อันนี้คอนเฟิร์มเลยว่าสวยจริงค่ะ




 
 
 
 
 
อันนี้ตำหนักของใครสักคนคือเราก็เดิน ๆ อย่างเดียวอ่ะนะ ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เห็นลายไทยนั่นไหมโฟมทั้งนั้นค่ะ



 
 
 
 
 
ซูมกันให้เห็นชัด ๆ นะว่านี่คือโฟมจริง ๆ





 
 
 
 
ดอกบัวหน้าพระตำหนักของใครสักคน นี่ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้คงจำได้ว่าบ้านใครแต่อย่างที่บอกไม่เคยดูไง ฮ่าๆๆ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ด้วยความที่อากาศร้อนมาก เราเลยเริ่มไม่แวะไหนแล้ว เดินผ่าน ๆ เลยได้รูปที่นี่มานิดเดียว แล้วก็ถ่ายจากไอโฟนด้วย คุณภาพก็ออกจะง่อยนิด ๆ ดูเสร็จก็ตรงดิ่งกลับกรุงเทพเลย และมีปัญหากับอีน้องสต๊าฟอีกแล้วจ้า........
 
 
1. พวกเราออกมาจากเดินดูในโรงถ่ายมาถึงที่รถแทนที่สต๊าฟมันจะบอกว่าให้ขึ้นรถคันไหน มันนั่งสูบบุหรี่กันพุ้ย ๆ เลย พวกกูก็เดินหารถเองไปสิ
 
2. รถเสีย เป็นรถคันเดียวที่เสียทั้งทริป ซึ่งเป็นสาขาอื่นนั่งมา อีหัวหน้าสต๊าฟ เดินขึ้นมาถามคนบนรถจ้าว่ามีเบอร์โทรรถคันที่เสียไหม อ้าวววว !!! อีห่ามึงเป็นสต๊าฟมึงควรรู้เบอร์รถทุกคันไหมเนี่ย แล้วพวกกูต้องรู้เบอร์รถบัสไปทำไมเนี่ย
 
 
 
และมีปัญหาอีกร้อยแปดพันประการเกิดขึ้นนะคะ กับอีพวกสต๊าฟเนี่ย เล่าสองวันก็ไม่จบเฮ้ออออ....