4/24/14

ทริปเยี่ยมญาติ Japan 2014 : イチゴ狩りเก็บสตรอเบอร์รี่กันเถอะ





**บล็อกหน้านี้ออกแนวรีวิวกันเล็กน้อยนะฮ่ะ เผื่อว่ามีใครอยากได้ข้อมูลหรือตามรอยอะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าจะอ่านจากบล็อกว่าเดินทางไปยังไงแนะนำว่าดูแผนที่จะง่ายกว่า แปลเป็นไทยว่าอย่าคาดหวังนั่นเองนะฮะ**



วันนี้ตารางเวลาของพวกเราค่อนข้างแน่น และแลดูว่าจะป๊อปปูล่าเป็นที่สุดทุกอย่างที่จะทำวันนี้ต้องตรงตามเวลาห้ามเลทเป็นเด็ดขาด ไม่งั้นมันจะรวนหมด ช่วงเช้าเราจะไปเก็บสตรอเบอร์รี่ ตอนบ่ายจะไปถ่ายวีดีโอให้ทาโร่ ส่วนตอนเย็นจะไปกินข้าวด้วยกันเพราะเราจะอยู่เป็นวันสุดท้ายแล้ว

ตอนแรกอายาริจะพาเราไปเก็บสตรอเบอร์รี่ที่เกียวโต แต่ปรากฏว่านางไม่รู้ว่าต้องโทรจอง T___T พอเราถามว่าต้องจองคิวหรือเปล่า ? นางบอกอ้าว !! ต้องจองคิวด้วยเหรอ ?? เช้าวันนี้เราโทรไปปรากฏว่าคิวเต็มเรียบร้อย เอาไงดีหล่ะ ?!?! เรารีบเสิร์ชหาที่ใหม่เลยกลัวอย่างแรงกลัวไม่ได้ไปเก็บสตรอ ฮ่าาาๆๆ กูเกิ้ลกันไปเราเจอที่ Grand berry อยู่ที่โอซาก้า แต่จะเต็มไหมล่ะ ?? มันควรจองล่วงหน้าไม่ใช่เหรอ ?? ฮารุกะโอบ้าจังจัดการโทรไปจองคิว คนที่รอคอยคำตอบอยู่ข้าง ๆ ก็ลุ้นตื่นเต้นจะว่างไหม แหมมมม....แกเล่นจองล่วงหน้า 2 ชั่วโมงว่างก็บ้าแล้ว !!! แต่เหมือนฟ้าเป็นใจให้เราทุกคนปรากฏว่าเราจองได้ 4 ที่ เย้ !!!!! มีเรา อายาริ ฮารุกะ ทาคุยะ ไปๆๆๆ เก็บสตรอเบอร์รี่กันเถอะ !






การเดินทางจากเกียวโต เราเริ่มที่สถานี Sanjo ซึ่งใกล้กับบ้านอายาริ วันนี้ใช้ Keihan line





วันนี้เราออกจากบ้านกันแบบไม่ได้กินเบรคฟัสต์เพราะมันเช้ามาก (เก้าโมงไม่ถือว่าเช้า แต่เพราะเราตื่นสายมันเลยเช้ามากสำหรับเรา) เราอาศัยวิธีซื้อโอนิกิริ(ข้าวปั้นสามเหลี่ยม) ไปกินบนรถไฟ (อันนี้ต้องดูดี ๆ นะ เพราะรถไฟบางสายกินอาหารได้บางสายกินไม่ได้ ซึ่งสายนี้เราก็ไม่แน่ใจว่ากินได้ไหมแต่เพื่อนเราพากินเราก็กินตาม :P )
การเดินทางมาเก็บสตรอเบอร์รี่ที่นี่ค่อนข้างยากสำหรับเรา (ถ้ามาจากเกียวโต) เปลี่ยนสายรถไฟประมาณ 4 รอบได้ แล้วแต่ละสถานีก็งง ๆ นะ ยกตัวอย่างเช่น :: จากสถานี Tsuruhashi จะไป Onji ต้องเอาตั๋วรถไฟออก กับตั๋วรถไฟเข้าซ้อนกันแล้วสอดเข้าไปพร้อมกันเครื่องจะเก็บตัวบัตรออกไป และจะคืนบัตรอีกใบมาให้เรา ประมาณนี้คือถ้าเราไปคนเดียวก็คงคิดว่าแล้วจะออกทางไหน ทางเข้าออกคือทางเดียวกัน และด้วยความที่เป็นโลคัลเทรนมันเลยมีหลายสายในสถานีเดียวกัน ต้องดูดี ๆ ไม่งั้นอาจจะหลงไปที่อื่นได้สำหรับคนที่ไม่เคยมาค่ะ ณ จุดนี้พวกเราโชคดีมากที่ฮารุกะโอบ้าจังเคยมาเลยนำพวกเราไปได้อย่างดีต้องขอบคุณโอบ้าจังมาก ๆ นะคะ ถ้าไม่มีโอบ้าจังชีวิตพวกเราคงหลงทางกันมากกว่านี้ เพราะขนาดบักทัคจังเป็นคนโอซาก้าแท้ๆ ฮียังไม่รู้เลยง่ะว่ามีโดมปลูกสตรอเบอร์รี่แถวนี้ T A T  สมกับเป็นโอบ้าจังผู้รอบรู้จริงๆ







เติมพลังด้วยสตาร์บัคส์ 270 เยน อร่อยมากเจ้มจ้น หวานมัน






ฝนยังตกอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนพวกเราเดินทางกันอย่างทุลักทุเลเพราะในมือมีถุงโน่นนี่เต็มไปหมด แต่พวกดิฉันจะไม่ยอมแพ้นะคะ อุตส่าห์ดั้นด้นมาจนได้ไปเก็บสตรอเบอร์รี่ฝนแค่นี้ไม่ทำให้ถอดใจจ๊ะ แต่มันตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เล่นเอาถุงเท้าเปียกเบยยยย ...

พอถึงสถานี Onji เราต้องเดินไปอีกประมาณ 5-10 นาทีได้ (เราจำไม่ได้ว่าต้องออกทางไหนแต่ลองถามนายสถานีดูน่าจะรู้ค่ะ) ระหว่างทางเดินจะไม่มีบ้านคนจะเป็นถนนเล็ก ๆ พอให้รถสวนทางกันได้เท่านั้น แต่บริเวณนี้ก็จะเป็นเหมือนสถานที่ปลูกพืชผักอะไรหลาย ๆ อย่างเพราะเราจะเห็นโดมปลูกผักเต็มไปหมดเลย
และแล้วเราก็มาถึง Grand Berry !!!!!! อยากจะสวอนเลคแล้วม้วนหน้า 8 ตลบท่ามกลางสายฝน แม่มม มายากจั๊งงง !!





เราขึ้นที่ต้นสาย เวลานี้ไม่ใช่ Rush hour คนค่อนข้างน้อย








ฝนตกทั้งวันเลยยยย





หลังจากที่แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่แล้วว่าเราจองไว้ ก็ถอดรองเท้าไว้ที่ด้านหน้าแล้วใส่รองเท้าที่ทางฟาร์มเตรียมไว้ให้เข้าไปด้านใน เค้าจะมีตะกร้าไว้ใส่ของให้ค่ะ ก็ถอดแจ๊กเก็ต กระเป๋าทุกอย่างวางไว้ในตะกร้าแล้วเดินตัวปลิวไปรับอุปกรณ์การกินได้เลยยยยย

ราคาของผู้ใหญ่ตอนนี้จะอยู่ที่ 1,600 เยน กินได้ 30 นาที ไม่ต้องกลัวว่าจะเกินเวลานะเพราะถ้าหมดเวลาเค้าจะตะโกนบอกเราเองว่ากรุ๊ปของคุณ ..... หมดเวลาแล้วนะ

ตอนไปจ่ายตังเค้าจะแจกอาวุธคือกรรไกร 1 อัน เพื่อตัดสตรอเบอร์รี่ และถุงพลาสติก 1 ใบเพื่อเก็บเศษซากอารยธรรมของเรานะฮ่ะ ระหว่างนั้นก็จะมีพนักงานบอกกฏ กติกา มารยาทในการกินสตรอเบอร์รี่ในโดมว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นฮ่ะ ย้ำนะ! ว่าภาษาญี่ปุ่นแต่อ่านรีวิวแล้วก็ไม่อยากที่จะเข้าใจนะ เราว่าที่นี่มีริวิวค่อนข้างเยอะ อาจจะเดินทางยากสักหน่อยแต่ด้วยความที่อยู่ในเมืองใหญ่ยังไงนักท่องเที่ยวก็ดั้นด้นมาจนได้แหละ ดูดิขนาดเรายังดั้นด้นมาเลย





ถึงแล้วววว !! Grand Berry ที่รักกกกก







เชิญกินได้ตามใจปรารถนา





สตรอเบอร์รี่ที่นี่จะมีหลายสายพันธุ์ทั้งเล็กและใหญ่ เราสามารถเก็บกินได้หมดทั้งที่ห้อยโตงเตงและที่นอนอยู่บนตะข่าย ก่อนเอาใส่ปากบอกเลยว่าตื่นเต้นมากกกกกก รสชาติ รสสัมผัสมันจะเป็นยังไงว่ะ พอใส่ปากเข้าไปเท่านั้นแหละมันละลายยยยยย ...... แทบไม่ต้องเคี้ยวเลย แล้วไม่ต้องเลือกด้วยนะว่าลูกไหนจะเปรี้ยวลูกไหนจะหวาน มันหวานทุกลูกอ่ะ ประเทศนี้อาหารทุกอย่างละลายในปากในอย่างน่าอัศจรรย์

กินธรรมดามันก็แลดูจะเป็นการกินสตรอเบอร์รี่ที่น่าเบื่อไปสักหน่อย เราเลยตั้งกฏมาว่างั้นมาแข่งกันดีกว่าว่าเราจะกินกันได้คนละกี่ลูก เมื่อตั้งกฏเช่นนี้มาแล้วมึงก็อย่ามาชวนกูคุยนะ กูจะกิน ฮ่าๆๆๆ พอหมดเวลามานับดูปรากฏว่าอีทัคจังได้ไป 60 ลูก เราได้ 49 อายาริ กับ ฮารุกะได้คนละ 46 โอ้ยยย กินเหมือนคนตายอดตายอยาก รู้สึกว่าตอนนี้น้ำเต็มท้องไปหมดเลย แล้วยิ่งอากาศหนาวฝนตกด้วยเดินหาห้องน้ำกันตลอดเวลา





ห้อยระโยงระยาง







ครั้งแรกของนางนางมีความสุข





ขอเล่าอารมณ์ตอนเข้าไปเก็บนิดนึง คือเราก็เห็นแหละว่ามีสตรอเบอร์รี่เต็มไปหมดอยู่ด้านหน้าเรา ซึ่งเราจะกินลูกไหนก็ได้ แต่มันเยอะขนาดนั้นเราก็เลือกตัดกันไม่ถูกจริง ๆ นะ อารมณ์รักพี่เสียดายน้อง มันแดงเถือกทั้งโดม แต่ก็ใช้เวลาคิดนานเลยว่าจะตัดลูกไหนดี เพราะมัวแต่คิดนี่แหละมันเลยทำให้กินได้แค่ 49 ลูกเท่านั้น :(( ถ้าไม่คิดตัดกินๆ คงชนะไปแย้วววว (((o(*゚▽゚*)o)))


อายาริเพิ่งเคยมาเก็บสตรอเบอร์รี่ครั้งแรกในชีวิตและนางตื่นเต้นมาก นางบอกว่าถ้าไม่ได้พาเรามานางก็ไม่คิดจะมาเอง  (เรื่องบางเรื่องที่คนไทยรู้เกี่ยวกับญี่ปุ่น แต่คนญี่ปุ่นที่ไม่รู้มันมีจริงๆ ค่ะยกตัวอย่างเพื่อนเราเองนี่แหละ) นางบอกว่าไม่เคยรู้เลยว่าสตรอเบอร์รี่ที่เก็บกินสดๆ มันจะอร่อยแบบนี้ปกติให้ซื้อกินในซุปเปอร์นางก็ไม่ค่อยซื้อกินนักหรอก คือบุคลิกอายาริไม่ใช่ผู้หญิงที่จะซื้อสตรอเบอร์รี่กินไงคะ ให้ซื้อเบียร์ง่ายกว่า





สักลูกไหมคะ ??



















สตรอเบอร์รี่ที่กำละชะตาขาด ตัดขั้วมันซะ !!!!





พอครบ 30 นาทีเจ้าหน้าที่ก็ตะโกนบอกเราว่าหมดเวลาเราก็เดินออกมาเก็บของออกจากตะกร้าเอาถุงขยะทิ้งในถังที่เตรียมไว้เลยค่ะ มีอ่างล่างมือเตรียมไว้ให้ด้วย เราเดินไปที่โดมอีกที่นึงซึ่งเป็นของ Grandberry เหมือนกันเพื่อจะซื้อใส่กล่องไปฝากเพื่อน เค้าขายกล่องละ 600 เยน อีพวกเราก็โรคจิตแกะออกมานับว่ามันมีกี่ลูก ฮ่าาาา จ่ายไป 1600 เยนกินมากสุด 60 ลูก คราวหน้าซื้อกินดีกว่า แต่จากการโหวตและลงความเห็นแล้วพบว่า 1600 เยน เราได้ซื้อความสดของสตรอเบอร์รี่ ได้ซื้อบรรยากาศแห่งความสุข และบริหารความสัมพันธ์ร่วมกันให้มันแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วเงิน 1600 เยนแลกกับการซื้อความสุขมันถือว่าถูกมากทีเดียว



อย่าได้คุยกันเดี๋ยวขัดจังหวะการกิน





เราเดินออกมาจับรถไฟที่สถานนีออนจิเพื่อที่จะไปที่สถานี Kitakagaya ไปถ่ายวีดีโอฉากสุดท้ายให้ทาโร่คุง เปลี่ยนสถานีประมาณ 2 ครั้งก็มาถึงและเราต้องเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที ก็จะมาถึงโกดังที่ทาโร่คุงเช่าไว้




เห็นเล็ก ๆ แบบนี้หวานมาก ฟินนนนนน !!!







ส่วนนี่ก็ละลายในปากกันเลยทีเดียวพี่น้องเอ้ยยยย !!!!







ลูกใหญ่เท่าหน้าเลย





บรรยากาศถ่ายงานจะเป็นยังไงเดี๋ยวมาต่อในบล็อกหน้าค่ะ



To be continue .......







No comments: