12/10/13

Rayong Marathon 2013







11 December 2013



เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาไปวิ่งมาราธอนมาอีกแล้วค่ะ O.O คือจะบ้าพลังไปไหนไม่รู้นะ คราวนี้ไปวิ่งไกลเลย

"ระยองมาราธอน" จ้าาาาาา ได้รับการอุปการะเรื่องที่หลับที่นอนจากดีเจพี่แก้ว เราเสียแค่ค่ารถไประยอง

กับค่าสมัครมาราธอนเท่านั้นเอง งานนี้เรียกว่าคุ้มมากได้วิ่ง กิน เที่ยว เรียกว่า 3 in 1 นะ

ตอนแรกสองจิตสองใจว่าจะไปดีไหม คือมันไกลนะแค่คิดถึงการเดินทางก็ท้อแล้วอ่ะ แล้วยิ่งช่วงหยุดยาวด้วย

ฝูงชนมันต้องมหาศาลล้านแปดอ่ะ ยิ่งระยองเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยแต่พี่แก้วสามารถจูงใจด้วยคำว่า

ผู้ชายกล้ามใหญ่ ๆ เยอะมากนะน้อง มาดิ! แค่คำนี้คำเดียวจริง ๆ พี่แก้วอ่ะบ้าเร่อะ!!! เค้าไปวิ่งเพื่อสุขภาพเฟร้ยยยย

กล้าม เกิ้มอะไรกั๊นนนนน!!!!







 



ไปถึงที่งานไปสมัครวิ่งก่อนเลยงานนี้ค่าสมัคร 200 บาทได้เสื้อยืดมา 1 ตัว อยากได้เป็นเสื้อกล้ามนะแต่ไม่มี

 สมัครเสร็จแล้วเราไปกินอาหารทะเลกันต่อ นี่กินจนเลี่ยนเลยอ่ะ วันต่อมามองเห็นปลาหมึกแล้วส่ายหน้าเลย

 กลิ่นและรสชาติของน้ำจิ้มซีฟู้ดติดปาก ติดตัวมาก ๆ ฮ่าๆๆ

 วันนี้เพื่อนพี่แก้ว (ดีเจอำนาจ) มานอนกับพวกเราด้วย พวกเราวิ่งมินิมาราธอน ปล่อยตัวตอน 6 โมงเช้า

 เลยจะต้องตื่นประมาณตี 4 ครึ่ง ซึ่งสถานที่วิ่งจัดอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านพักของพี่แก้วเราแว้นซ์มอไซค์ไป 2 นาทีก็ถึง


 

 
 
 
 
 
 


 
 
 
 
 
ปล่อยตัวนักวิ่งตอน 6โมงเช้า เราวิ่งไปเรื่อย ๆ เส้นทางวิ่งเป็นภูเขา กับ ทะเล คือวิ่งเลียบทะเลไม่เท่าไหร่จ๊ะ
แต่วิ่งเลียบภูเขานี่เล่นเอาแทบคลานเลยนะ คิดภาพออกใช่ไหมมันจะมีเนินเป็นระยะ ๆ มีเนินทุก ๆ 2 กิโล
 มันไม่หมูเหมือนวิ่งในกรุงเทพนะค๊าาาา !!!! พอมันมีเนินเป็นระยะ ๆ ทำให้เราต้องชลอเป็นระยะ ๆ เช่นกัน
 แอบเห็นผู้ชายอกสามศอก ตายอยู่หลาย ๆ เนินนะคะ ฮ่าๆๆๆ
CR.รูปจาก Shutterrunning (ลบเวลากล้องออกไป 2 ชั่วโมงนะคะ)






เราเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1.17 นาทีค่ะ พี่อำนาจเข้า 1.19 ส่วนพี่แก้วเข้า 1.30 ประมาณนั้น พี่แก้วกับพี่อำนาจ

 วิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรก แต่ก็ทำเวลาได้ดีพอสมควรเลย แถมยังบอกด้วยว่าจะไปหัดวิ่งมาราธอนให้พร้อมกว่านี้

 แล้วปีหน้าจะมาวิ่งใหม่รู้สึกดีกับตัวเองที่วิ่งได้ขนาดนี้ หนังเรื่องรัก 7 ปีดี 7 หนบอกว่าวิ่งแล้วจะพบชีวิตใหม่

 เราว่าจริงเลยนะ แต่ไม่ต้องแค่การวิ่งอย่างเดียวหรอก วันไหนที่เราตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง

 ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งนั่นถือว่าพบชีวิตใหม่แล้ว






เราเห็นข้อแตกต่างของบรรยากาศการวิ่งในกรุงเทพ กับวิ่งต่างจังหวัด คือวิ่งในกรุงเทพนี่เจอถนนใหญ่ รถรา

 ไม่มีคนออกมาดูการวิ่ง เพราะคนกรุงอ่ะนะทำงานมาทั้งอาทิตย์ฝ่ารถติดทุกวันมันก็เหนื่อยพอวันหยุดก็อยากนอนตื่นสาย

 แต่วิ่งต่างจังหวัดนี่ชาวบ้านจะตื่นเช้ามาก ออกมาเชียร์เต็มสองข้างทางเปิดเพลงเต้นแต่งตัวแฟนซีกันสุดฤทธิ์

 นี่ถ้าไม่ติดว่าจะวิ่งทำลายสถิติตัวเองแล้วละก็จะลงไปเต้นด้วยเลย




วิ่งเสร็จเราก็หาอะไรกินมีหลาย ๆ องค์กรเอาอาหารมาเลี้ยงนักกีฬาคือเดินกินฟรีกันจนพุงกางอ่ะนะ เอ็นจอยอีทติ้งมากๆ

 อาหารก็มีหลากหลาย ข้าวต้ม, ก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีน ฯลฯ เรากินข้าวต้มกับก๋วยเตี๋ยวไปว่าจะไปกินขนมจีนอีกรอบ

 แต่อิ่มมากไม่ไหวแล้ว กินเสร็จเดินไปดูอควอเรี่ยมต่อค่ะ (เดี๋ยวอัพไดอควอเรี่ยมพรุ่งนี้นะรูปเยอะมากกกกก)

 หลังจากดูอควอเรี่ยมเสร็จก็มาถึงสิ่งที่รอคอยที่สุดของวันนี้คือการไปดูแข่งไตรกีฬานั้นเอง พี่แก้วโฆษณาชวนเชื่อไว้

 ว่าผู้ชายที่แข่งไตรกีฬากล้ามใหญ่ ๆ ทั้งนั้นนะ ตรงตามจุดประสงค์เป่ะ น้ำเนิ้มไม่อาบจ้าาาา ไปดูกล้ามผู้ชายก่อน







 








 




ไตรกีฬาคือการแข่งกีฬา 3 อย่างในอย่างเดียว งงไหม? มีว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน และวิ่ง ว่ายน้ำที่นี่คือว่ายจากฝั่ง

 เกาะเสม็ด มาขึ้นฝั่งบ้านเพ ไปปั่นจักรยานต่อ กลับมาไปวิ่งอีก 5 กิโล อันนี้ไม่ดูว่าใครเข้าเส้นชัยก่อนหลังนะ

 แต่เค้าจะมี GPS ติดไว้ที่ตัวนักกีฬาคือวัดกันที่ใครทำเวลาได้ดีที่สุด เรายืนปักหลักกันตรงที่นักกีฬาขึ้นมาจากน้ำ

 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ค่อนข้างดี (คือส่องผู้ชายได้ชัดนั่นเอง) ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ นะฮ้าาาาา

 พี่ติ๊นาเคยร้องไว้ว่า อย่ามองตรงนั้น ๆ ๆ จะเป็นเรื่องใหญ่ แหมๆๆๆ มันห้ามกันไม่ได้จริง ๆ ค่ะ เค้าหมายถึงซิกแพคนะ

 ยกแขนเสื้อปาดเลือดกำเดากันตลอดเวลา

 







 







กล้ามใหญ่ๆ ของผู้ชายยังไง๊ ยังไงก็ไม่เท่าเด็กค่ะ ฮ่าา เราชอบเด็ก ไปเจอน้องชายคนนึงหล่อโฮกกกกก
ลงไตรกีฬาเด็กน้องอายุ 11 ปีหน้าหวานมาก โตมาต้องหล่อแน่ ๆ คือน้องวิ่งเข้าเส้นชัยแล้วเดินกลับมา

 ตอนแรกเราเฉย ๆ นะแต่น้องเล่นยกมือไหว้ทุกคนเลย แถมฉีกยิ้มหวานให้อีก (อนาคตไกลนะลูกนะ)

 พอเห็นน้องยิ้มเท่านั้นแหละ ใจมันละลายไม่ไหวแล้วขอป้าถ่ายรูปคู่ด้วยหน่อยเหอะนะๆๆๆ

 ฮืออออ อยากเกิดช้ากว่านี้ซัก 20 ปี !!!!

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

No comments: